เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว กับ 8 วิวญี่ปุ่นสุดงดงามที่ฉาบไปด้วยหิมะ ชาตินี้ต้องไปให้ได้

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว

       ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีฤดู 4 ฤดู และแต่ละฤดูก็จะมีลักษณะเฉพาะตัวที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน หนึ่งในฤดูอันแสนงดงามของญี่ปุ่นนั้นก็คือฤดูหนาว เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว แม้จะหนาวเหน็บ แต่ก็งดงามไปด้วยหิมะสีขาวนวลที่ปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง 8 วิวทิวทัศน์งามๆ เหล่านี้ เป็นวิวที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็พูดกันว่า ขอเห็นสักครั้งหนึ่งก่อนตายเลยทีเดียว

8. เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ที่ Kinkakuji (Kyoto)

Kinkakuji Winter
       Kinkakuji วัดทองที่ตัววัดเป็นสีทองงดงามไม่ว่าจะฤดูไหน หรือช่วงเวลาไหนของวัน โดยในฤดูหนาวหลังคาวัดถูกฉาบบางๆ ไปด้วยสีขาวนวลของหิมะ ตัดกับสีทองอร่าม รอบๆ ก็เป็นต้นไม่ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ และส่งเงาสะท้อนไปที่บึงเบื้องล่าง งามตามากๆ แม้จะไม่ได้เปิดให้เข้าชมทุกวัน แต่วิวตอนหลังจากหิมะตกของวัดทอง ก็เป็นอะไรที่น่าเก็บไว้เป็นที่ระลึกยิ่ง

วางโปรแกรมท่องเที่ยวฟรี

 

7. เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ที่ กำแพงหิมะ (Toyama)

Snow Corridor
       กำแพงหิมะที่นี่สูงเป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เกิดจากหิมะที่ตกซ้ำๆสะสมมาตลอดฤดูหนาว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะทำการละลายหิมะส่วนที่เป็นถนนเพื่อให้รถผ่าน จึงเกิดเป็นกำแพงที่มีความสูงตระการตาแห่งนี้ นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังมีธรรมชาติที่อุดสมบูรณ์ อย่างป่าสนที่มีอายุกว่า 1,000 ปี จึงทำให้เทือกเขานี้ถูกขนานนามว่า Japan Alps อีกด้วย

การเดินทางต้องใช้รถสาธารณะที่ทางอุทยานจัดไว้ให้ ใช้เวลาเดินทางเป็นวันๆ แต่ไปถึงแล้วคุ้มมาก ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการเดินทางที่หาวิวแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ที่ไม่ต้องไปถึงยุโรปก็ได้ไม่แพ้กัน

6. วิวถ่ายคู่กับลิง ที่หุบเขานรก (Nagano)

 ลิงออนเซ็น
       ที่เรียกกันว่าหุบเขานรกก็เพราะว่าบริเวณนี้มีหุบเขาสูงชันและเต็มไปด้วยไอน้ำ ดูเหมือนนรกนั่นเอง แต่จริงๆ แล้วเป็นสถานที่สวยงาม เต็มไปด้วยออนเซ็น และลิงญี่ปุ่นตามธรรมชาติมากมายที่มานั่งแช่ออนเซ็นกันอย่างสบายใจ ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่หาดูได้ยากในประเทศอื่น จึงทำให้บริเวณนี้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวจุดหนึงใครๆ ก็นิยมมาเก็บภาพน่ารักๆ เหล่านี้ไว้เป็นที่ระลึกเช่นกัน

5. เสาน้ำแข็ง Misotsuchi no Tsurara (Saitama)

เสาน้ำแข็ง
       เสาน้ำแข็งเหล่านี้เป็นประติมากรรมตามธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความหนาวจัดของฤดูหนาว ที่ทำให้น้ำจากน้ำตกที่ไหลย้อยลงมาตามซอกหินแข็งตัวกลายเป็นแท่งน้ำแข็งสวยงามจำนวนมากเหล่านี้ และยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เสาน้ำแข็งเหล่านี้ก็จะยิ่งใหญ่และมองเห็นได้ชัดเจน เป็นอีกหนึ่งแรากฏการณ์งดงามตามธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

4. แช่ออนเซ็นทามกลางหิมะ ที่ Ginzan Onsen (Yamagata)

Ginzan Onsen
       Ginzan แปลว่าภูเขาเงิน เพราะในอดีตเคยเป็นเหมืองแร่เงิน และยังมีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่ใสราวแก้ว ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมใช้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจมาตั้งแต่โบราณแล้ว รอบๆ บริเวณมีอาคารไม้ที่เก่าแก่ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทางระหว่างแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ถือว่าเป็นเสน่ห์อันดับหนึ่งของที่นี่เลย โดยอาคารส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่มีบริการให้แช่น้ำแร่ และเป็นร้านอาหารบรรยากาศดี

บริการรถนำเที่ยวญี่ปุ่น

3. นาขั้นบันไดในฤดูหนาวของเมือง Tokamachi ( Niigata)

นาขั้นบันไดในฤดูหนาว
       Tokamachi เป็นเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามอยู่แล้วไม่ว่าจะในฤดูไหน โดยในฤดูหนาวเราจะได้เห็นน้ำในนาขั้นบันไดนี้สะท้อนกับหิมะที่ทับถมอยู่บริเวณรอบๆ พร้อมกับมีละอองหิมะลอยออกมาราวกับหมอกและเมฆ สวยงามสะกดสายตาจนแทบจะลืมหายใจกันเลยทีเดียว

2. ธารน้ำแข็ง (Hokkaido)

ธารน้ำแข็งฮอกไกโด
       ธารน้ำแข็งนี้สามารถเห็นได้ในฤดูหนาวของฮอกไกโด โดยสามารถขึ้นเรือท่องเที่ยวล่องธารน้ำแข็งนี้ได้ โดยเรือจะใช้สว่านขนาดยักษ์ตัดธารน้ำแข็งเหล่านั้นให้พ้นทาง และหากโชคดี ก็อาจจะได้เห็นสัตว์ทะเลอย่างแมวน่้ำที่ลอยตามแผ่นน้ำแข็งที่มาจากฝั่งทะเลตอนเหนือด้วย

1. Diamond Dust (Hokkaido)

Diamon Dust Hokkaido
       Diamond Dust เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่จะเห็นได้เฉพาะในฤดูหนาวของฮอกไกโดเท่านั้น ซึ่งจะเกิดขึ้นในสถานที่ที่มีอุณภูมิต่ำกว่า -15 องศาเซลเซียส โดยไอน้ำในอากาศจะกลายเป็นน้ำแข็งและตกลงมาสู่พื้นดินกระทบกับแสงแดดจนเกิดเป็นเกล็ดหิมะที่ส่องประกายระยิบระยับหรือ Diamond Dust ที่เบาบางระยิบระยับและสวยงามราวกับอัญมณีนี้เอง

5 เหตุผลที่ทำให้ฤดูหนาวเป็นฤดูที่ดีที่สุด ในการมา เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว

       ถ้าคุณมา เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว หลายคนอาจตื่นเต้นกับหิมะ ที่หาชมไม่ได้ในประเทศทางตอนใต้และใกล้เส้นศูนย์สูตรอย่างเราๆ แต่ถ้าหากคุณอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น แล้วนั้นฤดูหนาวในญี่ปุ่นนั้นให้ความรู้สึกเหงาหงอย บรรยากาศสุดว้าเหว่ จากอากาศอันหนาวเหน็บ

ญี่ปุ่นก็ยังเป็นญี่ปุ่นที่มีการพัฒนาในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี่ การคมนาคม สิ่งประดิษฐ์ รวมไปถึงปรัชญาในคิดทางตะวันออก ที่หลายคนหลงไหลและใฝ่ฝันจะเข้าถึงซึ่งจิตวิญญาณ ของตะวันออก

สำหรับการมาเที่ยวญี่ปุ่นอาจไม่ใช่ในฤดูหนาวก็มีความน่าหลงไหลและน่าสนใจยิ่งนัก นักท่องเที่ยวที่ดีควรมีจุดหมาย หรือเป้าหมายในการท่องเที่ยว คุณอาจวางแผนเที่ยวตามปกติของคุณ แต่การมีเป้าหมายที่ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการนั้น นับเป็นการใช้ชีวิตที่คุ้มค่าในทุกนาที ที่มีลมหายใจเลยหล่ะครับ

 เราขอแนะนำ 5 สิ่งน่าสนใจในการ เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ของคุณที่อาจช่วยให้คุณสลัดความน่าเบื่อหน่ายต่างๆนั้นทิ้งไปได้

2p

 

1. หาข้ออ้างให้ตัวเองไปดื่มสังสรรค์

vg (1)

การจะดื่มเบียร์ซักแก้วที่ญี่ปุ่นนั้นเป็นกิจกรรมปกติที่ ทั้งชายและหญิงต่างนิยมชมชอบ ในทุกฤดูกาล แต่หากเป็นการมา เที่ยวญี่ปุ่นในฤดูหนาว อาจจะไม่ใช่ครั้งแรก หรือเป็นครั้งแรกก็ตาม ควรก็อยากจะใช้เวลาในการสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ บรรยากาศสังสรรค์ สนุกสนานเฮฮา ของผู้คนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวประเทศอื่น

การจะออกมาดื่มหน้าหนาวในญี่ปุ่นนั้นถือเป็นเรื่องที่ควรจะกระทำ เพราะแม้คุณจะอยู่บ้าน หรือเพิ่งกลับจากที่ทำงาน ความร้อนที่ได้จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจจะช่วยบรรเทาความหนาวที่หนาวเหน็บสุดลงได้

แน่นอนการดื่มไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้าดื่มแต่พอประมาณ เราก็จะได้ประโยชน์มากกว่าโทษอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็ทำให้หลับสบายขึ้นละกัน ว่าไหม

เที่ยวญี่ปุ่นแบบส่วนตัว

2. เฝ้าดูเมืองอันแสนวุ่นวายที่กลายเป็นเมืองร้างในการมา เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ของคุณ

56601f01a43cd_566017f424960_488611461

หากคุณอาศัยและทำงานในโตเกียว ฤดูหนาวที่แท้จริงเริ่มขึ้นเมื่อคุณสังเกตเห็นความเสมือนจริงของเมือง แน่นอนว่าคุณจะยังได้เห็นผู้คนจำนวนมากมายหลั่งไหลอยู่ในโตเกียวช่วงวันหยุดปีใหม่ แต่หากลองไปขึ้นรถไฟในช่วงเวลาเร่งด่วนตอนแปดโมงเช้าในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่สามวันดูซักครั้ง

คุณจะได้รับประสบการณ์ความเงียบสงบแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน นั่นเพราะว่าบริษัทส่วนมากปิดทำการในช่วงเวลาดังกล่าวนั่นเอง สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูหนาว และต้องการถ่ายภาพ อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการถ่ายภาพเมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะ ไร้คนเดินให้เกะกะในเฟรม และนั่นก็อาจเป็นอีกเหตุผลที่ดีในการที่ญี่ปุ่น ในเมืองโตเกียวในฤดูหนาวครับ

3. ร้านสะดวกซื้อกับบริการ 24 ชั่วโมง

56601f01ebc6c_56601609327f9_1649380796

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมบริการที่รุ่งเรืองมากที่สุดประเทศหนึ่ง จึงไม่แปลกเลยที่แม้แต่ในวันหยุดที่ผู้คนส่วนมากใช้เวลากับครอบครัว อุตสาหกรรมบริการต่างๆก็ยังเปิดให้บริการปกติตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภค ยกตัวอย่างเช่น ร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ร้านรวงส่วนมากปิดให้บริการ ร้านสะดวกซื้อกลายเป็นแหล่งโอเอซิสที่ขาดไม่ได้

ร้านสะดวกซื้อในอีกแง่มุม อาจจะเป็นตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ (Venting Machine) หรือชาวญี่ปุ่นชอบเรียกกันในชื่อ “จุโดฮัมไปกิ” หรือ “จุโดฮัมไบ” คุณสามารถซื้อของได้เกือบทุกชนิดในเครื่องหยอดเหรียญนี้ ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นม ขนม น้ำ บุหรี่ หรือแม้กระทั่งกาแฟร้อนก็ยังสามารถซื้อได้จากเครื่องนี้ นับว่าสะดวกเอามากๆ แถมเครื่องนี้ยังใช้ต้นทุนน้อย

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มา  เที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวหรือฤดูไหนๆ ก็อาจจะปรากฎเห็นเครื่องดังกล่าวอยู่ตามข้างทาง ตามป้ายรถประจำทาง ที่รกร้าง มากมาย มันทำให้เราเห็นถึงความเจริญของประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก มาเที่ยวญี่ปุ่นกันบ่อยๆนะครับ

4. การตกแต่งตามเทศกาลที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ

56601f0235586_56601cb896292_2046889495

ตั้งแต่ฮาโลวีน คริสต์มาส ปีใหม่ ไปจนถึงวันวาเลนไทน์ พวกเราแทบจะไม่ต้องเปิดปฏิทินดูวันเดือนปีเพื่อให้รู้เลยว่า ตอนนี้เทศกาลไหนกำลังใกล้เข้ามา เพราะไม่ว่าคุณจะเดินออกไปที่ไหนก็ตามก็จะเห็นเครื่องตกแต่งสีสันสวยงามละลานตาในแทบทุกที่

คุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเทศกาลได้ทันที เมื่อหัวฟักทองกลมโต ของเมื่อวานกลายเป็นต้นสนที่ร้อยไปด้วยไฟประดับประดาในวันถัดมา ที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้จะทำให้คุณไม่รู้สีกเจ็บปวดมากหากไม่มีแฟนไปเดทในช่วงคริสมาสต์อีฟ เพราะเพียงพริบตาเดียวเทศกาลปีใหม่ก็จะมาถึงโดยไม่รู้ตัว

เทศกาลของญี่ปุ่นนั้นมีเยอะมากๆ ทั้งตามสากลและเทศกาลที่กำหนดดดยท้องถิ่นต่างๆ หรือเป็นวันสำคัญของญี่ปุ่นเอง แน่นอนว่าคุณอาจทึ่งในความเร็วในการทำงานแล้ว คุณยังรู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในการที่จะออกมาเจออะไรใหม่ๆ ในทุกๆวันที่มาเยือนที่นี่ ญี่ปุ่นแห่งนี้

5. เริ่มต้นปีใหม่ด้วยเสียงหัวเราะ

56601f02886bc_56601ea9ab2c9_992469516

ที่ญี่ปุ่นมีรายการบันเทิง และรายการวาไรตี้มากมายออกอากาศช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ โดยส่วนมากจะออกอากาศยาวไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม รายการส่วนใหญ่จะเชิญดาราตลกมาโชว์ ราคุโกะ (การเล่าเรื่องตลกขบขัน) หรือ มันไซ (บทสนทนาตลกขบขันระหว่างคนสองคน)

ซึ่งมุกตลกแบบญี่ปุ่นค่อนข้างเข้าใจยากอยู่สักหน่อยเพราะส่วนมากเล่นกับเรื่องชีวิตประจำวัน ถึงแม้จะเข้าใจภาษาญี่ปุ่นแต่ก็อาจจะไม่เข้าใจความแตกต่างของวัฒนธรรม ซึ่งอาจต้องอาศัยเวลาและการคลุกคลีของแต่คนกันไป

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มและเสียงหัวเราะถือเป็นวัคซีนที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตในปีต่อไปได้อย่างเข้มแข็งในปีใหม่ และวันใหม่ที่กำลังจะมาถึง

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง “Your Name” หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง - Your Name

       ภาพยนตร์อนิเมชั่นของญี่ปุ่นนั้นถือว่ามีความน่าสนใจเเละได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น เเต่สำหรับต่างประเทศเเล้วคงจะมีภาพยนตร์อนิเมชั่นไม่กี่เรื่องเท่านั้น ที่จะได้รับความยอมรับเเละนิยม เเต่ไม่ใช่สำหรับ Your Name หรือ Kimi no Na wa ที่ได้รับกระเเสตอบรับที่ดีอย่างมากในเมืองไทย วันนี้เรามาแนะนำสถานที่ เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง กันครับ

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง

หนังเรื่องนี้ทำไมจึงเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น ก็คงเป็นเพราะทั้งพลอตเรื่องที่น่าติดตามเเละภาพที่เเสนจะสวยงามเหมือนจริง รวมทั้งสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่องนั้นก็มีหลายสถานที่ที่มีอยู่จริง อย่างร้านอาหารที่พระเอกของเรามาทำงานพิเศษที่มีชื่อว่า Cafe La Boh’me ก็เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่น่าเเวะมาย้อนรอยดู

1.Cafe La Boh’me

Cafe Boheme

       Cafe La Boh’me นั้นเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ตั้งอยู่ในอาคาร Cosmo Shinjuku Gyoen ซึ่งจริงๆ เเล้วร้านเเห่งนี้มาสาขามากมายหลายสาขาเลยทีเดียว เเละที่ร้านสาขานี้ก็นับว่าได้รับความนิยมจากบรรดาลูกค้าอย่างมาก จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ในภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ ซึ่งความนิยมของร้านนี้ก็เพราะว่ามีราคาของอาหารที่ไม่ได้เเพงมากนักเมื่อเทียบกับร้านอาหารอิตาเลี่ยนอื่นๆ ในโตเกียว
       โดยสำหรับ Cafe La Boh’me นั้นมีจำนวนสองชั้นด้วยกัน เเต่จะมีส่วนชั้นสองสำหรับเเขกพิเศษเท่านั้น เเละพื้นที่จะเป็นเเบบห้องโถงโล่ง มีจำนวนที่นั่งทั้งหมด 99 ที่นั่ง เเบ่งเป็นโต๊ะอาหารเเละมีบาร์อีกด้วย พื้นโดดเด่นด้วยลายกระเบื้อสีขาวดำ ซึ่งไปปรากฏในภาพยนตร์อีกด้วย เเละโต๊ะเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ทั้งหมด โดยเปิดให้บริการตั้งเเต่เวลา 11.30 น. ถึง 24.00 น. โดยอาหารมื้อกลางวันจะบริการตั้งเเต่เวลา 11.30 น. ถึง 14.00 น. เท่านั้น โดยจะเปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด เเละในร้านนั้นห้ามสูบบุหรี่อีกด้วย

Cafe Boheme Real
       โดยในภาพยนตร์นั้นร้าน Cafe La Boh’me จะกลายเป็นร้านอาหารที่มีชื่อว่า Il Giardino Delle Parole ซึ่งเป็นภาษาอิตาเลี่ยนที่ ทากิ จะมาทำงานพิเศษเป็นบริกรทุกวันหลังจากเลิกเรียนเเล้ว เเละที่นี่เป็นที่ที่เขาจะได้พบกับรุ่นพี่มากิ ซึ่งในช่วงเเรกนั้นก็จะแอบชอบกันอยู่ เเละมีฉากปวดหัวเมื่อมิตสึฮะในร่างทากิต้องมาทำงานพิเศษที่นี่อีกด้วย ถือว่าเป็นฉากที่ปรากฏในภาพยนตร์ยาวนานเหมือนกัน เเละออกหลายครั้งเลยทีเดียว ทำให้มันเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่มีเเฟนๆ ของ Your Name ไปย้อนรอยกันอย่างมาก เพราะว่าเดินทางสะดวกเเละเข้าถึงได้ง่ายกว่าสถานที่อื่นๆ ที่ปรากฏในภาพยนตร์ อีกทั้งรสชาดของอาหารอิตาเลี่ยนร้านนี้ก็ยังขึ้นชื่ออย่างมากอีกด้วย
       สำหรับการเดินทางมา เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ ร้าน Cafe La Boh’me นั้นก็ให้คุณใช้บริการของรถไฟ โดยมาลงที่สถานีรถไฟ Shinjuku จากนั้นให้เดินมาทาง Cosmo Shinjuku Gyoen Bldg ร้านจะอยู่ที่หัวมุมอาคารเลยรับรองว่าหาง่ายอย่างมาก

วางโปรแกรมท่องเที่ยวฟรี

2.เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ Aogashima Island

Aogashima Island

       สำหรับ Aogashima นั้นเป็นเกาะกลางทะเลที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะอิซุ เเละเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อยู่ในอุทยานเเห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเน่-อิซุ อีกด้วย โดยมันเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเลทำให้ปลายของปากปล่องภูเขาไฟนั้นเกิดเป็นเหาะเเห่งนี้ขึ้นมา ซึ่งนับว่าเป็นเกาะที่มีความสวยงามเเปลกตาอย่างมากเลยทีเดียว ถึงว่าจะเดินทางเข้าถึงยากก็ตามที เเละไม่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยสนใจมาชมความสวยงามของเกาะเเห่งนี้มากเท่าใดนักก็ตาม แต่การ เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่มีกระแสที่แรงก็อาจมีคนสนใจมาเที่ยวที่เกาะนี้กันครับ จึงแนะนำการเดินทาวและข้อมูลไว้ เผื่อเป็นประโยชน์ครับ
       เกาะโอกะชิม่า อยู่ในเขตการปกครองของโตเกียว โดยอยู่ห่างออกไปในทะเลเป็นระยะทางถึง 358 กิดลเมตรจากทางใต้ของโตเกียว เกาะมีความยาว 3.5 กิโลเมตร เเละมีความกว้าง 2.5 กิโลเมตร โดยจะมีสันขอบสองวงด้วยกัน คือสันขอบนอกที่เป็นขอบของเกาะที่สูงอย่างมากเเละเป็นสิ่งกีดขวางการเดินทาง ส่วนสันขอบด้านนั้นจะอยู่ใจกลางของเกาะ โดยเกาะเเห่งนี้มีคนอาศัยอยู่มาตั้งเเต่สมัยเอโดะเเล้ว โดยในปี ค.ศ.2014 มีการสำรวจประชากรบนเกาะเเห่งนี้พบว่ามีผู้อาศัยอยู่ทั้งสิ้น 170 คนด้วยกัน
       สำหรับเกาะ Aogashima นั้นปรากฏในภาพยนตร์โดยมีการสมมุติให้พื้นที่นั้นอยู่ติดกับเมืองอิโตโมริของ มิตสึฮะ เเละเป็นสถานที่ที่คุณยาย มิตสึฮะ เเละน้องสาวของเธอเดินทางมาทำความเคารพเทพเจ้า รวมทั้งมันปรากฏอีกครั้งในแรกที่ ทากิ เดินทางมาเพื่อหาวิธีย้อนเวลากลับไปช่วย มิตสึฮะ เเละทั้งคู่ก็ได้พบกันที่นี่เป็นครั้งเเรก ทำให้หลายๆ คนที่ชมภาพยนตร์นั้นมีความประทับใจในสถานที่เเห่งนี้มาก เเต่สำหรับสถานที่จริงๆ เเล้วมันเเตกต่างอย่างมากตรงที่ไม่ได้เดินทางกันไปถึงได้ง่ายๆ เลย

Aogashima Island_Real
       สำหรับการเดินทาง เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง และมายัง เกาะโอกะชิม่า สำหรับใครที่อยากจะเดินทางมาที่นี่นั้นขอบอกว่าต้องอาศัยใจล้วนๆ เเละมีวิธีการเดินทางที่ค่อนข้างยุ่งยาก โดยวิธีการที่ดีที่สุดนั้นให้คุณขึ้นเครื่องบินของสายการบิน ANA จากสนามบินฮาเนดะมาลงที่เกาะฮาชิโจจิมะ โดยเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะโอกะชิม่ามากนัก โดยเสียค่าเดินทางประมาณ 11,000 เยน เเละใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 55 นาทีต่อจากนั้นเเล้วก็ให้คุณใช้บริการของ Toho Air Service ซึ่งเป็นเฮอร์ริคอปเตอร์จำนวน 9 ที่นั่งจาก เกาะฮาชิโจจิมะ มายังเกาะโอกะชิม่า โดยเสียค่าโดยสาร 11,210 เยนเเละใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาที หรือไม่เช่นนั้นคุณสามารถเลือกนั่งเรือ Tokai Kisen โดยเสียค่าโดยสาร 2,790 เยน เเต่ใช้เวลาในการเดินทาง 2.30 ชั่วโมง นอกจากนี้เเล้วบนเกาะยังมีที่พักให้คุณได้ค้างคืนกันอีกด้วย โดยค่าที่พักรวมอาหาร 3 มื้อจะอยู่ที่ 7,500 เยน ถึง 9,000 เยน

3. NTT DOCOMO YOYOGI BUILDING

NTT Docomo Yoyoki

       สำหรับภาพยนตร์อนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่องดังอย่าง Your Name หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Kimi no Na wa ที่เปิดตัวเเรงทั้งในญี่ปุ่นเเละต่างประเทศ ซึ่งในญี่ปุ่นนั้นก็กวาดรายได้ไปมากกว่าหมื่นล้านเยนเข้าไปเเล้ว ส่วนในประเทศไทยนั้นก็ถือว่ากระเเสโดดเด่นอย่างมาก เเละในภาพยนตร์อนิเมนชั่นเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าได้รับคำชมอย่างมากในเรื่องของความสมจริง เเละสถานที่ที่มีอยู่จริงๆ อย่าง ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งภาพที่ผู้ชมจะได้พบเห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเราจะมาทำความรู้จักกับสถานที่เเห่งนี้กัน
       ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ หรือ NTT DOCOMO YOYOGI BUILDING นั้นตั้งอยู่ในเขตชิบูย่าของมหานครโตเกียว ซึ่งเเน่นอนว่ามันสูงเด่นเป็นสง่าเเละสามารถเห็นได้เเต่ไกล โดยโครงสร้างสถาปัตยกรรมของมันนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับตึก Empire State เป็นอย่างมาก โดยมันเป็นของบริษัท NTT Docomo ซึ่งเป็นค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของเเดนปลาดิบ โดยที่ปลายบอดอาคารนั้นจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ในการส่งคลื่นความถี่เพื่อบริการเครือข่ายมือถือไร้สายของบริษัทอีกด้วย
       สำหรับการได้มา เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ นั้นเป็นอะไรที่ง่ายและสะดวก ตึกมีความสูงถึง 240 เมตร โดยมันเป็นอาคารที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 3 ของกรุงโตเกียว มีทั้งหมด 30 ชั้น โดยอยู่เหนือพื้นดินจำนวน 27 ชั้น อีก 3 ชั้นจะอยู่ใต้ดิน เเต่ที่สร้างความโดดเด่นเเละเเตกต่างได้เป็นอย่างมากก็คือมีการติดตั้งนาฬิกาบอกเวลาขนาดใหญ่ไว้ในส่วนของชั้นบนๆ ของตัวอาคารอีกด้วย ทำให้อาคารเเห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหอนาฬิกาที่มีความสูงมากที่สุดในโลกอีกด้วย ทำให้ไม่ว่าคุณจะเดินอยู่ย่านไหนของชิบูย่าเเค่เเหงนหน้ามองไปที่อาคารเเค่นี้ก็จะสามารถทราบเวลาของได้เเล้ว โดยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในย่านชิบูย่าอาจจะไม่ค่อยสนใจอาคารนี้มากเท่าใดนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา เเต่หลังจากที่ภาพยนตร์ Your Name เข้าฉายในประเทศไทยเเล้วรับรองได้เลยว่าจะต้องมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างมากมายเเน่นอน

NTT Docomo Building
       โดยในภาพยนตร์นั้น NTT DOCOMO YOYOGI BUILDING จะปรากฏในหลายๆ ฉากด้วยกันที่มีการกล่าวถึงโตเกียว เเต่ฉากที่น่าจะสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดีน่าจะเป็นฉากเปิดตัวของเรื่องนี้เเละอีกครั้งก็ในฉากท้ายๆ เรื่องเเล้ว โดยมันสามารถสื่อถึงความเจริญของโตเกียวที่ ทากิ พระเอกของเรื่องอาศัยอยู่ได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นฉากเเละสถานที่ที่ไม่ควรจะพลาดเเวะมาเที่ยวชมหากคุณอยากจะตามรอย Your Name
       ส่วนสถานที่ตั้งของ ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ นั้นก็ตั้งอยู่ที่บริเวณ Minamimotomachi ในเขต Shinjuku ward ซึ่งคุณสามารถใช้บริการของรถไฟมาลงที่สถานี Shinanomachi station จากนั้นก็เดินต่ออีกเพียงเเค่นาทีเดียวก็ถึงเเล้ว เเต่สำหรับการถ่ายภาพควรอยู่บริเวณรอบๆ จะสามารถเห็นตัวอาคารได้อย่างชัดเจน

4. เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ LAKE SUWA

Lake Suwa

       สำหรับภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องดังจากเเดนปลาดิบอย่าง Your Name หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า Kimi no Na wa ที่กำลังโกยรายได้จากเเฟนหนังชาวไทยอยู่นั้น ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของอนิเมชั่นที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยสำหรับในเมืองไทย อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ก็มีการอธิบายไปต่างๆ นานา เเต่สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนยอมรับก็คือการเสมือนจริงของฉากต่างๆ อย่างมาก เเละหนึ่งในฉากไฮไลท์ซึ่งเป็นสถานที่จริงก็คือ ทะเลสาบซูวะ ซึ่งเป็นทะเลสาบใจกลางเมืองที่นางเอกของเรื่องอาศัยอยู่นั่นเอง
       LAKE SUWA ตั้งอยู่ในภูเขาคิโซ ใน Suwa City Kohan Park ใจกลางจังหวัดนากาโนะ ถือว่าเป็นทะเลสาบที่เกิดมาจากปล่องภูเขาไฟเดิม เเละเเวดล้อมไปด้วยที่อยู่อาศัยของชาวเมืองจำนวนมากมานเหมือนๆ กับฉากในภาพยนตร์เลยทีเดียว ทำให้มีทิวทัศน์ที่สวยงามเเละน่ามาสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติเลยทีเดียว
       สำหรับ ทะเลสาบซูวะ นั้นมีความยาวกว่าง 15.9 กิโลเมตร เเละมีความลึกเฉลี่ยอยู่ที่ 4.7 เมตร โดยส่วนที่ลึกที่สุดนั้นจะลึกถึง 7.2 เมตรเลยทีเดียว เป็นเเห่งของสัตว์น้ำหลายชนิดด้วยกัน เเละพื้นผิวน้ำมีความใสสะอาดอย่างมากจึงเป็นอีกหนึ่งในทะเลสาบที่มีความสวยงามของญี่ปุ่น เเต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของบรรดานักท่องเที่ยวชาวไทยมากนัก เเต่หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Your Name เข้ามาฉายเเล้วคาดว่าที่นี่จะได้รับความสนใจอย่างมากจากบรรดานักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวเเวดล้อมอยู่หลายเเห่งด้วยกันทั้งศาลเจ้าซูวะ ปราสาททาคาชิม่า หรือเเม้เเต่บรรดาออนเซ็นต่างๆ ก็มีไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ Lake Suwa
       ฉากของ LAKE SUWA นั้นถูกสมมุติให้เป็นทะเลสาบใจกลางเมืองอิโตโมริที่ มิตสึฮะ อาศัยอยู่ เเละเป็นภาพถ่ายที่ทากิเห็นที่หอศิลป์โตเกียว ตอนที่ไปเดทกับรุ่นพี่มากิ รวมทั้งเป็นภาพเเรกๆ ที่ทากิวาดจากควาทรงจำเมื่อสลับไปอยู่ในร่างของมิตสึฮะ โดยบรรยากาศในอนิเมชั่นนั้นจะมีความเป็นชนบทมากกว่าสภาพความเป็นจริง เเต่ดูเเล้วก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากเลยทีเดียว อีกทั้งที่บริเวณทะเลสาบเเห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของเทศกาลดอกไม้ไฟ ซึ่งจะจัดในช่วงฤดูร้อนอย่างมาก
       ส่วนการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง และมายัง ทะเลสาบซูวะ นั้นให้คุณใช้เส้นทางในการเดินทางมายังจังหวัดนากาโนะ โดยสามารถใช้บริการของรถไฟของเจอาร์ โดยให้คุณมาลงที่สถานี JR Kamisuwa Station จากนั้นเดินต่ออกมาเพียงเเค่ 5 นาทีก็จะเห็นความงดงามของทะเลสาบเเห่งนี้เเล้ว นับว่าเป็นอีกสถานที่ที่น่ามาตามรอย Your Name อย่างมาก

บริการรถนำเที่ยวญี่ปุ่น

5. RING OF TRAFFIC LIGHTS IN SHINJUKU

RING OF TRAFFIC LIGHTS IN SHINJUKU

       เเน่นอนเลยว่าหลายๆ คนที่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมจากญี่ปุ่นอย่าง Kimi no Na wa หรือ Your Name เเล้วต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีความประทับใจเป็นอย่างมากกับภาพสถานที่ต่างๆ ที่มีความสวยงามเเละเหมือนจริงเป็นอย่างยิ่ง เเต่คงจะมีไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าหลายๆฉากที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นเป็นสถานที่ที่มีอยู่ในหลายต่อหลายเเห่งด้วยกันอย่างที่ วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่หลายๆ คนต่างประทับใจเเละไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริง
       สำหรับ วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ หรือ Ring of Traffic Lights in Shinjuku นั้นตั้งอยู่ในเขตชินจูกุ ที่ได้ชื่อว่ามีการจราจรที่พลุกพล่านอีกเเห่งของโลก เเละมันถูกดีไซน์ออกมาเพื่อเเสดงให้เห็นถึงความคิดเชิงวิศวกรรมเเละงานทางด้านดีไซน์ที่มีความลงตัว สร้างจุดดึงดูดสายตาให้เป็นที่กล่าวถึงได้ตั้งเเต่เริ่มใช้งานเเล้ว เเม้ว่าหารใช้งานของมันนั้นจะเป็นเพียงสัญญาณไฟจราจรปกติธรรมดาเเละป้ายบอกทางธรรมดาก็ตาม

RING OF TRAFFIC LIGHTS IN SHINJUKU
       วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ นั้นมีการดีไซน์ที่นำเอาสัญญาณไฟจราจรเเละบรรดาป้ายบอกทางมารวมกันไว้เป็นหนึ่งเดียว โดยมีการดีไซน์ออกมาเป็นวงเเหวนขนาดใหญ่ที่วางทับบนสี่เเยกที่มีการจราจรพลุกพล่านเเละมีจุดตัดทั้งจากถนนที่รถยนต์สัญจรเเละทางเดินเท้า โดยมันมีลักษณะเป็นโลหะสีเงินที่เเสดงถึงความล้ำสมัยเเละมีสัญญาณไฟติดเอาไว้ในเเต่ละเส้นทางพร้อมป้ายบอกเส้นทางในเเต่ละช่องทางอีกด้วย ทำให้เกิดเป็นภาพที่มีความทันสมัยเป็นอย่างยิ่ง เเละดูตื่นตาตื่นใจอย่างมากเมื่อได้มาพบเห็น เเต่น่าเสียดายที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ค่อยมีใครสนใจเเวะมาเที่ยวชมมากนักจนมันมาปรากฏในภาพยนตร์ Your Name
       ฉากของ วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ นั้นปรากฏในภาพยนตร์ตั้งเเต่ตอนต้นของเรื่องเพื่อเเสดงถึงความทันสมัยของมหานครโตเกียวที่ ทากิ พระเอกของเรื่องอาศัยอยู่ คู่กับตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ ถึงเเม้ว่าจะมีฉากที่เกี่ยวข้องกับตัวละครเเต่ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนที่ได้ชมอย่างมากจากความที่เหมือนจริง เเละสร้างความสนใจให้กับผู้ชมชาวไทยที่ต้องการไปชมให้เห็นกับตาว่าเจ้าวงแหวนไฟจราจรของจริงนั้นเป็นอย่างไรกันเเน่
ส่วนการเดินทางมายัง วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ ที่ตั้งอยู่ใน Nishi-shinjuku บริเวณ Shinjuku ward นั้นมีสองทางเลือกให้กับคุณด้วยกันคือคุณสามารถใช้บริการของรถไฟมาลงยังสถานี Shinjuku station เเล้วเดินต่ออกมาอีกเพียง 10 นาทีก็จะถึงเเล้ว หรืออีกช่องทางคือหากใครลงที่สถานี Nishi-shinjuku station ก็ใช้เวลาในการเดินต่อมาอีกเพียงเเค่ 3 นาทีก็จะถึงเเล้ว ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่าเดินมาจากสถานี Shinjuku station

6. เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ SUGA SHRINESuga Shrine

     ในชั่วโมงนี้คงจะไม่มีภาพยนตร์อนิเมชั่นสัญชาติญี่ปุ่นเรื่องไหนที่จะโด่งดังไปกว่า Your Name หลับตาฝัน   ถึงชื่อเธอ หรือชื่อเรื่องในภาษาญี่ปุ่นว่า Kimi no Na wa อีกเเล้ว เพราะจากกระเเสการวิจารณ์ที่มีเเต่ด้านบวกมากๆ ทั้งในญี่ปุ่นเเละไทยทำให้ยอดรายได้สะสมเเค่ในญี่ปุ่นก็ปาไปมากกว่าหมื่นล้านเยน ส่วนในประเทศไทยนั้นก็เรียกว่าเป็นกระเเสหลักเลยทีเดียว ถึงขนาดที่หลายๆโรงภาพยนตร์ต้องเปลี่ยนโปรเเกรมฉายกระทันหันมาฉายภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้เเทนเลยทีเดียว เเละอีกหนึ่งจุดเด่นของภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ก็คือสถานที่ซึ่งปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่องนั้นมีหลายสถานที่ที่มีอยู่จริงอย่างเช่น ศาลเจ้าซูกา ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ใครได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เเล้วต่างก็ต้องประทับใจกับซีนนี้อย่างเเน่นอน
       ศาลเจ้าซูกา นั้นตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว เป็นศาลเจ้าที่มีความเก่าเเก่มากกว่า 600 ปีเข้าไปเเล้วสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าอย่าง Gozu Tenno ซึ่งเป็นเทพเจ้าเเห่งสายฟ้าตามคติความเชื่อของชาวญี่ปุ่น อีกทั้งศาลเจ้าเเห่งนี้ยังมีการจัดเทศกาลเป็นประจำทุกปีอีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งในศาลเจ้าที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับรองๆ ลงมาของโตเกียว เเต่นักท่องเที่ยวชาวไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก โดยส่วนใหญ่จะมุ่งหน้าไปที่ศาลเจ้าอาซากุสะกันมากกว่า
ภายในของ ศาลเจ้าซูกา นั้นมีอาคารไม้โบราณที่มีความสวยงามเเละเก่าเเก่อย่างมาก รวมทั้งมีประติมากรรมของเทพเจ้า Gozu Tenno อีกด้วย โดยทั้งอาคารเเละประติมากรรมต่างๆ ที่อยู่ในศาลเจ้านั้นมีความเก่าเเก่เเละสวยงาม เหมาะกับการมาเที่ยวชมความสวยงามของงานสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง เเต่จุดที่เเฟนๆ Your Name น่าจะสนใจมากกว่าน่าจะเป็นบันไดทางขึ้นลงอีกทางหนึ่งที่กลายมาเป็นหนึ่งในฉากที่สำคัญที่สุดของภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้

เที่ยวญี่ปุ่น ที่ Suga Shrine
       สำหรับซีนที่ปรากฏ บันไดของศาลเจ้าซูกา นั้นจะปรากฏในช่วงท้ายของเนื้อเรื่อง เเละเป็นซีนที่ได้รับการโปรโมทออกมาเป็นภาพโปสเตอร์อีกด้วย เเต่จะมีความเเตกต่างอย่างไรนั้นต้องไปติดตามชมในภาพยนตร์กันเอาเอง โดยมีความเเตกต่างเล็กน้อยเกี่ยวกับฉากเบื้อกลังของบันไดในภาพยนตร์เเละของจริงที่จะมีอาคารตั้งอยู่ริมบันได้หนาตากว่าในภาพยนตร์ เเต่ราวเหล็กสีเเดงนั้นเหมือนกันอย่างมาก
       สำหรับใครที่สนใจจะมาตามรอย Your Name ที่ ศาลเจ้าซูกา นั้นก็เรียกว่าเดินทางมาได้อย่างสะดวกมากๆ โดยให้คุณลงรถไฟที่สถานี Shinanomachi station จากนั้นเดินต่ออีกเพียง 10 นาทีก็จะถึงเเล้ว โดยสังเกตมาสถานที่รอบสถานี Shinanomachi station นั้นมีหลายจุดที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้

7. HIDA-SANNOGU HIE SHRINE

Hida-Sannoku Shrine - Your Name

       หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Your Name หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในญี่ปุ่นเเละในเมืองไทยนั้น อย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยก็คือว่าการผูกเรื่องราวให้กับประเพณีโบราณของญี่ปุ่นเเละวิทยาศาสตร์อย่างเเนบเนียน รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏในอนิเมชั่นนั้นก็มีอยู่จริงหลายเเห่งด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ศาลเจ้าฮิดะ-ซันโนะกุ ฮิเอะ จินจา ซึ่งปรากฏออกมาสร้างความสวยงามเเละเป็นหนึ่งในผมของเรื่องราวทั้งหมด
       HIDA-SANNOGU HIE SHRINE นั้นเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองทาคายามะ ในจังกวัดกิฟุ เป็นศาลเจ้าโบราณที่ก่อสร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1141 เเละมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของเทศกาลที่จะจัดเป็นประจำทุกปี โดยมันได้เป็นเเรงบันดาลใจของให้ในส่วนของศาลเจ้าประจำตระกูลของมิตสึฮะ เเละเทศกาลประจำปีก่อนที่สะเก็ดดาวหางจะตกลงมาที่เมือง
       ศาลเจ้าฮิดะ-ซันโนะกุ ฮิเอะ จินจา นั้นมีความเก่าเเก่เเละมีชื่อเสียงในเรื่องของการให้คนในครอบครัวปลอดภัย อีกทั้งมันยังมีชื่อเสียงโดดเด่นไปทั่วญี่ปุ่นจากงานเทศกาล Sanno Matsuri ที่จะจัดในช่วงวันที่ 14 เเละ 15 เมษายนของทุกปีอีกด้วย โดยรู้จักกันในชื่อว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิของทาคายามะ โดยเทศกาลนี้นับว่าเป็นหนึ่งในสามของเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งจะมีเทศกาล Chichibu Matsuri ในไซตามะ เเละเทศกาล Gion Matsuri ในเกียวโต ซึ่งภายในวัดนั้นมีอาคารเก่าเเก่โบราณมากมาย เเละยังเป็นที่เก็บรักษาของดันจิริที่มีความเก่าเเก่อย่างมากเเละจะนำมาเเห่งเป็นประจำทุกปี ส่วนทางด้านของ Karakuri ก็มีชื่อเสียงอย่างมาก เพราะมันเป็นเครื่องกลที่จะทำให้คุณตื่นตะลึงกับการเคลื่อนไหวของมันที่เหมือนมีชีวิตอย่างมาก โดยจะจัดเเสดงในวันที่ 14 เเละ 15 เมษายน วันละครั้งเท่านั้นเอง

Hida-Sannoku Shrine
       HIDA-SANNOGU HIE SHRINE ปรากฏออกมาในเนื้อเรื่องในฐานะของศาลเจ้าประจำตระกูล Miyamizu ของมิตสึฮะที่มีคุณยายเป็นเจ้าตระกูลอยู่ ซึ่งตามเนื้อเรื่องเเล้วนั้นทั้ง มิตสึฮะเเละน้องสาวของเธอก็มีฐานะเป็นมิโกะ ซึ่งก็คือหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้าโดยมีหน้าที่ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้า ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีอยู่เเละจะสืบทอดกันโดยสาบดลหินเท่านั้น
       สำหรับการเดินทางมายัง ศาลเจ้าฮิดะ-ซันโนะกุ ฮิเอะ จินจา นั้นคุณสามารถใช้บริการของรถไฟเจอาร์ โดยมาลงที่สถานี JR Takayama จากนั้นก็เดินเท้าต่อไปอีก 25 นาทีจากตัวสถานีรถไฟก็จะถึงศาลเจ้าเเห่งนี้เเล้ว นับว่าเดินทางไม่ได้ยากอะไรมากมายและหลังจากถึงทางเข้าศาลเจ้าแล้วอาจจะต้องเดินขึ้นบันไดอีกเป็นร้อยชั้นเพื่อเข้าสู่ตัวศาลเจ้าที่อยู่ด้านบน

       Your Name,หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ, Kimi no Na wa, HIDA-SANNOGU HIE SHRINE, ศาลเจ้าฮิดะ-ซันโนะกุ ฮิเอะ จินจา

8. HIDA-FURUKAWA STATION

Furukawa Station - Your Name

       กระเเสความเเรงของภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อดังจากเเดนปลาดิบอย่าง Your Name หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า Kimi no Na wa ส่วนชื่อในภาษาไทยคือ หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ ต้องบอกว่ามาเเรงอย่างมากในวินาทีนี้เเละสร้างกระเเสการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาได้อย่างร้อนเเรงเลยทีเดียว โดยมีบริษัททัวร์บางบริษัทในเมืองไทยได้จัดเเพ็กเกจทัวร์ไปยังสถานที่ซึ่งปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้กันเเล้ว โดยอย่างที่ สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่ามาตามรอยอย่างมากเลยทีเดียว
       โดย HIDA-FURUKAWA STATION นั้นเป็นหนึ่งใน 6 สถานีรถไฟของ JR Central ที่อยู่ในเมืองฮิดะ จังหวัดกิฟุ ซึ่งต้องบอกเลยว่ารูปเเบบของสถานีรถไฟเเห่งนี้ก็ไม่ต่างกับสถานีรถไฟชานเมืองของญี่ปุ่นเท่าใดนัก ออกจะมีขนาดที่เล็กเสียด้วยซ้ำ เเต่ก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในโลเคชั่นที่ตราตรึงใจผู้ที่ได้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างมาก เเละมีหลายๆ คนที่ถือโอกาสไปเยือนสถานีรถไฟเเห่งนี้
       สำหรับ สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ ตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟฮิดะ-โกคุฟุ เเละสถานีรถไฟซุกิซากะ บนเส้นทางรถไฟสาย Takayama Main Line โดยที่ตัวสถานีนั้นเป็นอาคารชั้นเดียวยกสูงสีขาว ที่มีความเก่าเเก่เพราะเปิดมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1934 ส่วนบริเวณชานชลานั้นก็จะมีสะพานข้ามทางรถไฟสีขาวที่มีลักษณะเหมือนกับสถานีรถไฟทั่วไปในญี่ปุ่น เเต่กลับมีความสวยงามคลาสสิกไปอีกเเบบ ด้วยบรรยากาศของเมืองที่ออกเเนวชนบทหน่อยของญี่ปุ่น ก็ทำให้มันน่ามาสัมผัสเพื่อตามรอย Your Name ซักครั้ง

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่น Furukawa Station
       โดยฉากของ HIDA-FURUKAWA STATION นั้นปรากฏออกมาเมื่อช่วงที่ ทากิ ออกตามหาเมืองที่ มิตสึฮะ อาศัยอยู่ จากความทรงจำที่ตัวเองเขียนเป็นภาพต่างๆ โดยเขาเดินทางมายังที่นี่พร้อมกับรุ่นพี่มากิเเละเพื่อนอีกคน ก่อนที่จะเเวะถามทางกับนายสถานีรถไฟที่นี่ เเต่กลับไม่ค่อยได้เรื่องเท่าใดนัก ก่อนที่ทั้งหมดจะไปเเวะกินราเมง เเละที่ร้านรางเมงนั่นเองที่ทำให้เขาได้รู้ความจริงอะไรบางอย่าง ซึ่งในภาพยนตร์นั้นจะฉายให้เห็นถึงภายในตัวสถานีได้ที่มีความคลาสสิกเเละมีมาสคอตประจำเมืองมาเล่นกับรุ่นพี่มากิ
       สำหรับการเดินทางมายัง สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ ในจังหวัดกิฟุ นั้นเเน่นอนว่าวิธีการที่ง่ายที่สุดสำหรับคุณที่อยากจะสวมวิญญาณทากิเพื่อตามหา มิตสึฮะ เเล้วล่ะก็ก็คือการใช้บริการของรถไฟเจอาร์จากสถานีรถไฟโตเกียว โดยใช้เส้นทางของขบวน Takayama Main Line โดยให้คุณมาลงที่ สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ เลย ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 4 ชั่วโมงด้วยกัน เเต่สำหรับใครที่อยากจะชิลกว่านั้นก็สามารถใช้บริการของรถบัสจากหน้าสถานีชินจูกุ มาถึงที่นี่ได้เช่นกัน เเต่ใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว

Your Name,หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ, Kimi no Na wa, HIDA-FURUKAWA STATION, สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ

9. CROSSING BRIDGE SHINANO-MACHI

Shinano Machi - Your Name

       กระเเสความเเรงของภาพยนตร์อนิเมชั่นจากญี่ปุ่นเรื่อง Your Name หรือชื่อไทยว่า หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ ส่วนในภาษาญี่ปุ่นนั้นเรียกว่า Kimi no Na wa คงจะทำให้หลายๆ คนที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เเล้วเกิดสนใจ เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง และสถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย เเละในอนาคตคงจะมีรายการทัวร์ตามรอบภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างนอน โดยคราวนี้เราจะมาดูสถานที่ซึ่งเป็นฉากสำคัญอีกฉากในเรื่องนี้ ซึ่งก็คือ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi ซึ่งนับว่าเป็นอีกสถานที่ที่มีอยู่จริง เเละกลายไปเป็นฉากในอนิเมชั่นเรื่องนี้
       โดย สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi นั้นก็เป็นสะพานลอยที่ใช้สำคัญการสัญจรข้ามเส้นทางรถไฟนั่นเอง โดยในญี่ปุ่นนั้นมีสะพานเเบบนี้อยู่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว ซึ่งสะพานส่วนใหญ่นั้นจะสร้างมาจากเหล็ก ทำให้มีความคงทนสูง เเต่บริเวณพื้นที่ที่เป็นทางเดินนั้นจะมีขนาดกว้างกว่าสะพานลอยในบ้านเราอย่างมาก ยิ่งเป็นเส้นทางที่มีผู้ใช้จำนวนมากเเล้วขนาดของสะพานก็จะใหญ่ตามไปด้วย
       ที่ตั้งของ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi นั้นอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Shinanomachi มากนัก โดยฉากในภาพยนตร์กับสถานที่จริงนั้นก็จะมีความเเตกต่างกันออกไปบ้างเล็กน้อย อย่างในส่วนของพื้นนั้นในภาพยนตร์จะเป็นพื้นกระเบื้องเเละปูนขัด เเต่สำหรับในสถานที่จริงเเล้วจะปูด้วยผ้ายางสีเขียวเป็นต้น ส่วนฉากหลังนั้นในภาพยนตร์จะเป็นทิวต้นสนไปเลย เเต่สำหรับสถานที่จริงเเล้วจะมีวัดตั้งอยู่เป็นฉากหลังโดยคุณสามารถมองเห็นเจดีย์ของวัดได้อีกด้วย นับว่าเป็นความต่างที่น่าสนใจเเละน่าดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปตามรอยพระเอกของเรื่องเป็นอย่างมาก
        โดยที่ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi นั้นจะปรากฏออกมาในภาพยนตร์ช่วงที่ทากิ ไปออกเดทกับรุ่นพี่มิกิ เเล้วก็มาเเยกกันที่สะพานเเห่งนี้ ก่อนที่พระเอกของเราจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา มิตสึฮะ นางเอกของเรื่อง เเต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เเละถือว่าเป็นอีกฉากไคลเเม็กของเรื่องเลยก็ว่าได้ ส่วนเหตุผลจะเพราะอะไรเเละอย่างไรนั้นไปชมด้วยตัวเองน่าจะดีที่สุด ซึ่งการเที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง นี้ใช้ฉากสะพานลอยเเบบนี้ทำให้เราสัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวโตเกียวได้ดียิ่งขึ้น

ตามรอยอนิเมชั่นสะพานลอย Shinano Machi
       โดยจุดที่ตั้งของ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi นั้นก็อยู่ที่ บริเวณ Minamimotomachi ในเขต Shinjuku ward ซึ่งคุณสามารถใช้บริการของรถไฟมาลงที่สถานี Shinanomachi station จากนั้นก็เดินต่ออีกเพียงเเค่นาทีเดียวก็สามารถมาถึงสะพานเเห่งนี้เเล้วก็ทั้งคุณยังสามารถมองเห็น ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ ซึ่งเป็นอีกสถานที่ในเรื่องได้อย่างชัดเจน เเละน่าใช้เป็นจุดถ่ายภาพอีกด้วย

Your Name,หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ, Kimi no Na wa, สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi

 เที่ยวทั่วไทยไปไกลทั่วโลก

10. THE NATIONAL ART CENTER, TOKYO

THE NATIONAL ART CENTER - Your Name

       กระเเส เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ทำให้ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมจากเเดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Your Name ที่มีชื่อในภาษาไทยว่า หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ นั้นเป็นที่ยอมรับว่ามาเเรงอย่างมากในเมืองไทย เเละหนึ่งในสิ่งที่เป็นที่กล่าวขวัญกันถึงนอกจากความสนุกเเละการผูกเรื่องราวที่มีความน่าสนใจเเล้วก็เห็นจะเป็นในส่วนของฉากต่างๆ ที่มีความสมจริงอย่างมาก เเละมีหลายฉากที่เป็นสถานที่ซึ่งมีอยู่จริง อย่างที่ หอศิลป์โตเกียว ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งในฉากที่เเสดงออกมาได้อย่าสมจริงอย่างมากเลยทีเดียว
       หอศิลป์โตเกียว หรือ THE NATIONAL ART CENTER นั้นตั้งอยู่ในเขตโรปงงิ ซึ่งเป็นย่านที่มีความหรูหราเเละเป็นเเหล่งท่องเที่ยวยามราตรี พร้อมกับเป็นเเหล่งที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในโตเกียว เเละเป็นย่านที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของศิลปะ เพราะเป็นเหมือนเเหล่งรวมงานศิลปะ โดยมีพิพิธภัณฑ์ทางด้านศิลปะอยู่หลายเเห่ง พร้อมกับการเเสดงกลางเเจ้งอีกมากมาย
        ส่วน หอศิลป์โตเกียว นั้นมีขนาด 4 ชั้นด้วยกัน โดยที่ชั้น B1 นั้นจะเป็นโถงกว้างไว้สำหรับจะเเสดงงานศิลปะที่หมุนเวียนมาจัดเเสดง เเละมีร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่อีกด้วย รวมทั้งมีร้านคาเฟ่ ส่วนชั้น 1 นั้นจะเป็นในส่วนของเเกลอรี่ ถึง 4 เเกลอรี่ด้วยกัน เเละพื้นที่จัดเเสดงผลงานศิลปะพิเศษอีกด้วย รวมทั้งพื้นที่จัดเเสดงเเบบเอาท์ดอร์ เเละเป็นทางเข้าหลักก็อยู่ที่ชั้นนี้ ส่วนที่ชั้นที่ 2 นั้นจะมีเเกลอรี่ อีก 4 เเกลอรี่ เเละพื้นที่จัดเเสดงผลงานพิเศษ ในขณะที่ชั้น 3 นั้นจะเป็นพื้นที่ของเเกลอรี่ อีก 2 เเกลอรี่ด้วยกันรวมทั้ง Auditorium เเละห้องประชุมย่อยๆ อีก 3 ห้องรวมทั้ง ห้องสมุดศิลปะ เเละที่สำคัญคือที่ตั้งของ Brasserie Paul Bocuse Le Mus?e ที่อยู่ในพื้นที่รูปวงกลมที่ยื่นออกไปในพื้นที่ว่าง

ตามรอยอนิเมชั่นดัง เที่ยว THE NATIONAL ART CENTER
       ฉากที่ THE NATIONAL ART CENTER ปรากฏก็คือเป็นตอนที่ มากิ เเละรุ่นพี่มิกิ ออกมาเดทครั้งเเรกเเละครั้งเดียว โดยการจัดการของมิตสึฮะ ตอนที่สลับร่างกัน เเละทั้งคู่ได้มานั่งทานอาหารกันที่ร้าน Brasserie Paul Bocuse Le Mus?e นั่นเอง โดยหลังจากนั้นก็ไปเดินดูการจัดเเสดงภาพถ่ายที่มีภาพของเมืองที่ มิตสึฮะ อาศัยอยู่ด้วย ก่อนที่ทั้งคุ่จะไปเเยกกันที่ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi
ส่วนใครที่สนใจจะเดินทางมา เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง และมาชมดูผลงานศิลปะที่ หอศิลป์โตเกียว นั้นขอบอกว่าที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยปิดในวันอังคาร เเละเปิดตั้งเเต่เวลา 10.00 น. จนถึงเวลา 18.00 น. โดยประตูทางเข้าจะปิดในเวลา 17.00 น. เเละคุณสามารถเดินทางมาโดยใช้บริการของรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Chiyoda line โดยให้มาลงที่สถานี Nogizaka Station จากนั้นให้เลือกทางออกที่ 6 เดินต่ออีกเพียงเเค่นาทีเดียวก็จะถึงเเล้ว

ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น แม้ว่าค่าครองชีพจะแพงกว่าก็ตาม มีปัจจัยอะไรบ้างไปดู!!

ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น
ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น แม้ค่าครองชีพจะสูงกว่าไทยมากก็ตาม คนไทยก็ยังชอบที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่น บางคนมาเกือบทุกปี หรอปีละหลายๆครั้ง เหตุผลอันดับต้นๆที่คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คงจะหนีไม่พ้นไปชมดอกซากุรบาน ความเป็นระเบียบ เป็นต้นกำเนิดภาพยนต์การ์ตูนและอื่นๆ อีกมากมาย

ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น มีปัจจัยอะไรที่สำคัญบ้าง มาดูกันเลย

ไปชมดอกซากุระบาน

เหตุผลอันดับต้นๆที่คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คงจะหนีไม่พ้นไปชมดอกซากุรบานนั่นเอง เพราะถ้าให้นึกถึงประเทศญี่ปุ่นคนส่วนมากจะนึกถึงดอกซากุระเป็นอันดับแรก

ทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว

เทศกาลดอกซากุระจึงเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญซึ่งจัดขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่น ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชมดอกซากุระ ซึ่งแต่ละพื้นที่จะเริ่มบานต่างกันตั้งแต่เดือนมีนาคม จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม ไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีต้องไปเซลฟี่กับดอกซากุระ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นนะ 

การ์ตูน ภาพยนตร์ นักร้อง ชื่อดัง

หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อตอนเป็นเด็ก ชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่น เช่น ไอ้มดแดง โดเรมอน ดราก้อนบอล โตขึ้นก็จะมีภาพยนตร์ญี่ปุ่น ซี่รี่ย์ญี่ปุ่นให้ติดตามกันตลอด ตลอดจนนักร้องชื่อดัง ที่ทำเอาสาวไทยหัวใจแทบละลาย จึงทำให้คนหลงรักและชอบอะไรต่างๆที่เกี่ยวกับญี่ปุ่นโดยไม่รู้ตัว เพราะการซึมซับตั้งแต่วัยเด็ก และฝันสักครั้งต้องไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้ได้

มารยาทงดงามการต้อนรับอบอุ่น

คนญี่ปุ่นเป็นคนน่ารัก อ่อนน้อม ต้อนรับนักท่องเที่ยวดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือประชาชนทั่วไปเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวเดือดร้อนหรือมีปัญหาก็จะช่วยเหลือเต็มที่ ถึงแม้บางครั้งอาจจะมีปัญหาด้านการสื่อสารบ้างก็ตาม แต่เรื่องน้ำใจเป็นที่หนึ่งไม่แพ้ชาติใดในโลก

มีความปลอดภัยสูง

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอาชญากรรมต่ำมากประเทศหนึ่งในโลกเลยทีเดียว การเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ไม่ได้หมายความว่าประเทศญี่ปุ่นไม่มีโจรหรือขโมย ถ้ารู้จักท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาทจนเกินไป ก็สามารถสะพายเป้ท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจ

มีหลายฤดูน่าตื่นตาตื่นใจ

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีครบทุกฤดู ฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง  ฤดูฝน ทำให้มีบรรยากาศที่หลากหลายและแต่ละฤดูก็มีความงดงามแปลกตาและแตกต่างกัน การแต่งกายแต่ละฤดูก็แตกต่างกัน มีแฟชั่นการแต่งกายแต่ละฤดู ทำให้รู้สึกตื่นเต้นไม่น่าเบื่อเพราะมีอะไรที่ใหม่ๆให้ดูอยู่เสมอ ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นฤดูไหนก็มีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเยี่ยมชมได้ตลอดปี

การเดินทางสะดวก

เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทยอยู่ไม่ห่างมากนัก การเดินทางก็สะดวกและใช้เวลาไม่นาน และด้วยเวลาที่ไม่ต่างกันมากนัก จึงทำให้คนไทยที่ไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นปรับตัวได้ง่าย ไม่เหนื่อยล้าในการเดินทาง และที่สำคัญค่าใช้จ่ายก็ไม่สูงมากนัก

ศิลปวัฒนรรมประเพณีอันเก่าแก่

ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่รักษาขนบธรรมประเพณีอันเก่าแก่ไว้ได้ดีมาก สืบทอดมายาวนานสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน เอกลักษณ์ที่คนนึกถึงประเทศญี่ปุ่นก็คือ  ชุดกิมโมโน ซามุไร พระราชวังเก่าแก่ การไหว้แบบญี่ปุ่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้ไม่ยาก

เครื่องสำอางคุณภาพดีราคาถูกและผลิตภัณฑ์ไอเดียเก๋ๆ

ขึ้นชื่อว่าเครื่องสำอางญี่ปุ่น ถูกจริตกับสาวไทยมากเนื่องจากเป็นผิวโซนเอเชียเหมือนกัน และถ้ามาท่องเที่ยวเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งสาวๆส่วนใหญ่ก็จะไม่พลาดหอบเครื่องสำอางกับบ้านไปกักตุนไว้ใช้เป็นปีเลยทีเดียวเพราะราคาถูกกว่าซื้อประเทศไทยมาก อาจจะถูกกว่าเป็นครึ่งเลยก็ว่าได้ และนอกจากเครื่องสำอางแล้วยังมีสินค้าไอเดียเก๋ๆน่ารักๆ อีกมากมายที่น่าซื้อหาติดไม้ติดมือเป็นของฝากซึ่งราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด

ภูเขาไฟ

สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นคือ ภูเขาไฟฟูจิ  ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกจะต้องไปถ่ายรูปคู่กับภูเขาไฟฟูจิให้ได้ เพราะฉะนั้นถ้าใครไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ถ่ายฟูจิ และไม่มีรูปคู่ภูเขาไฟฟูจิกลับบ้านแล้วละก็ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลยนะ บอกเลยน่าเสียดายมาก

EIYAIDA Facebook Page

 

แนะนำที่ชมซากุระสวยๆ ฟูๆ ซากุระบานที่สวยที่สุด 5 ที่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิญี่ปุ่น

แนะนำที่ชมซากุระสวยๆ

แนะนำที่ชมซากุระสวยๆ ในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้ประทับใจไปเที่ยวไหนดี ในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมเป็นฤดูใบไม้ผลิแนะนำชวนกันไปปูเสื่อนั่งจิบสาเกชมดอกซากุระสีชมพูขาวบานสะพรั่งสวยงามแล้วคุณจะประทับใจจนเก็บไว้ในความทรงจำไม่รู้ลืม

แนะนำสถานที่ชมดอกซากุระที่นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นนิยมไปมากที่สุด

เริ่มต้นการท่องเที่ยวญี่ปุ่นฤดูใบไม้ผลิที่ประเทศญี่ปุ่น ในช่วงเดือนมีนาคมลากยาวไปถึงเดือนพฤษภาคม จะเป็นฤดูกาลแห่งความสดชื่นเบิกบาน เพราะเป็นช่วงที่ดอกไม้กำลังผลิบาน ใบไม้แตกยอดสีเขียวชูไสว มีสายลมพัดมาเอื่อยๆ หอมกลิ่มไอ ธรรมชาติ ด้วยบรรยากาศสุดฟิน เป็นฤดูการแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง และเป็นฤดูการท่องเที่ยวที่คนนิยมมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นมากที่สุด

แพ็คเกจทัวร์ทั่วโลก

เพราะในช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระจะบานสะพรั่งปกคลุมไปด้วยสีขาวชมพู ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจะนิยมออกมาปูสื่อใต้ต้นซากุระนั่งจิบสาเกและชื่นชมความงามของดอกซากุระ ซึ่งเป็นภาพที่ติดตาตรึงใจ สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก สวนซากุระที่สวยงามที่สุดก็ต้องที่ศาลเจ้าเฮย์อันธ์ แต่ดอกซากุระจะบานเต็มที่แค่ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งหลังจากที่ดอกซากุระร่วงโรยก็จะมีดอกไม้อื่นๆผลิออกมาให้เราได้ชื่นชม กัน เช่น ดอกฟูจิ

1.จุดชมดอกซากุระที่สวนชินจูกุเกียวเอน

แนะนำที่ชมซากุระสวยๆ

เป็นจุดชมดอกซากุระยอดนิยมใจกลางโตเกียว ชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจะชอบพาครอบครัว กลุ่มเพื่อนๆ และคู่รัก มานั่งชมดอกซาระกุระบาน โดยจะเริ่มมีให้ชมในช่วงต้นเดือนเมษายน

2.จุดชมดอกซากุระที่สวนอุเอะโนะ

จุดชมดอกซากุระที่สวนอุเอะโนะ

สวนนี้พลาดไม่ได้เลยเพราะเป็นอีกสถานที่ชมดอกซากุระญี่ปุ่นที่สวยที่สุด ตั้งอยู่ในเขตไทโต ในช่วงฤดูใบไม้ผลิดอกซากุระจะบานสะพรั่งตามสองข้างทางเดิน เป็นภาพที่สวยงามมาก โดยจะมีตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน

3.จุดชมดอกซากุระที่ริมแม่น้ำเมกุโระ

ซากุระแม่น้ำเมกุโระ

จุดชมดอกซากุระจะนี้จะอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำจะมีต้นซากุระโค้งเข้าหากัน เวลาดอกซากุระบานจะคล้ายกับอุโมงค์ซากุระ ถือว่าเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยและโรแมนติกมากแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

4.จุดชมดอกซากุระที่ถนนสายนักปราชญ์

ซากุระถนนสายนักปราชญ์

เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวสามารถไปชมดอกซากุระบานสะพรั่งสองข้าง ซึ่งถนนเส้นนี้ได้รับยกย่องว่าเป็นจุดชมดอกซากุระบานที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ของเมืองเกียวโต โดยดอกซากุระจะเริ่มบานในช่วงต้นเดือนเมษายน

5.จุดชมดอกซากุระที่สวนมารุยามะ

ซากุระที่สวนมารุยามะ

สถานที่ชมดอกซากุระบานแห่งนี้ตั้งอยู่หลังศาสเจ้ายาซะกะ ใจกลางสวนจะเต็มไปด้วยต้นซากุระญี่ปุ่น แข่งกันบานสะพรั่งในช่วงต้นเดือนเมษายน เพื่อรอให้นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวชมดอกซากุระที่ญี่ปุ่นได้เข้าชมความงาม และมานั่งปิกนิกกันแบบชิลๆได้อีกด้วย

EIYAIDA Facebook Page

ลักษณะเด่นของสาวญี่ปุ่น 7 อย่าง ที่หากหนุ่มๆ คนไหนได้รู้ จะหลงรักพวกเธอแบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว

ลักษณะเด่นของสาวญี่ปุ่น

ลักษณะเด่นของสาวญี่ปุ่น 7 อย่างนี้ หนุ่มไทยทั้งหมดได้รู้คงหลงรักและแอบปรื้มเป็นแน่นอน ไม่จะด้วยรูปร่าง หน้าตาที่น่ารักแล้ว ถ้านิสัยแบบนี้คงประทับใจไม่รู้ลืมแน่นอน สาวญี่ปุ่นในสายตาหนุ่มไทยก็แทบจะเป็นสัญลักษณ์ของความน่ารัก “คิคุ อาโนเนะ” กันอยู่แล้ว ยิ่งถ้าทราบลักษณะเด่นเหล่านี้แล้วหล่ะก็ จะพากันไปญี่ปุ่นบ่อยๆ เป็นแน่

ทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว

ขึ้นชื่อว่าสาวญี่ปุ่น หนุ่มไทยทุกคนได้ยินก็ 100 ทั้ง 100 ไม่หันนี่ผิดปกติวิสัยแล้ว เนื่องจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นและไทยใกล้เคียงกัน มีความเป็นเอเชียเหมือนกัน และอะไรๆที่คล้ายกันอีกมากมาย หนุ่มๆไทยหลายคนอาจหลงไหลความเป็นญี่ปุ่นและฝันลึกๆว่าจะมีโอกาสได้เรียนรู้สาวญี่ปุ่นสักครั้ง นี่เลย ทำการบ้านไว้ก่อน รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง จัดไป

ลักษณะเด่นของสาวญี่ปุ่น

ลักษณะเด่นของสาวญี่ปุ่น 7 อย่าง มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

มีน้ำใจ

ผู้หญิงญี่ปุ่นมีน้ำใจงาม กระตือรือร้นที่จะช่วยเหลืออย่างสุดเต็มที่ ไม่ใช่แค่กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น เวลาเราสอบถามหรือขอความช่วยเหลือ เขาก็จะพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถเลยทีเดียว

อดทนไม่ชอบโต้แย้ง

เนื่องจากเมื่ออดีตเป็นสังคมผู้ชายเป็นใหญ่ ผู้หญิงจึงต้องสงบเสงี่ยม ไม่แสดงความคิดเห็น ยอมที่จะทำตามฝ่ายชาย จึงทำให้ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงมีความอดทน ไม่โต้แย้ง และไม่แสดงความคิดเห็นของตัวเอง เลือกจะเป็นฝ่ายที่อดทน

สาวญี่ปุ่นอดทนไม่ชอบโต้แย้ง

คำนึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย

ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่ตอบปฏิเสธโดยตรงถึงแม้ว่าจะมีความเห็นไม่เหมือนกันเพราะผู้หญิงญี่ปุ่นจะเป็นคนที่คิดถึงความรู้สึกของอีกฝ่ายเสมอ จึงไม่กล้าที่จะตอบปฏิเสธ เพื่อรักษาน้ำใจ ด้วยความที่นึกถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย ก็มักจะตอบไปว่า ไปก็ได้ค่ะ แบบไหนก็ได้ค่ะ ร้านไหนก็ได้ค่ะ

รักที่จะอยู่เป็นกลุ่ม

พื้นฐานคนญี่ปุ่นมักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มมากกว่าอยู่เดี่ยวๆ เพราะถูกปลูกฝังมาจากโรงเรียน เนื่องจากต้องมีกิจกรรมที่ต้องทำเป็นกลุ่มเป็นทีม ซึ่งก็ถือว่าเป็นจุดแข็งของคนญี่ปุ่นที่ดีอีกอย่างหนึ่งด้วย เราจึงเห็นสาวๆญี่ปุ่นอยู่เป็นกลุ่มมากกว่าที่จะไปไหนมาไหนคนเดียว

สาวญี่ปุ่นรักที่จะอยู่เป็นกลุ่ม

เก็บความรู้สึกเก่ง ขี้เกรงใจ ไม่กล้าพูด

ผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะขี้เกรงใจ ไม่กล้าพูดตรงๆออกไป เพราะคิดว่าการที่พูดตรงออกไปเลยเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ควรทำ เวลาจะพูดอะไรที่เป็นความในใจจะพูดอ้อมไปอ้อมมา จนคนฟังรู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรสักอย่างที่เธออยากจะพูดแน่นอน และผู้หญิงญี่ปุ่นก็ไม่ชอบการโดนพูดว่าตรงไปตรงมาด้วยเช่นกัน

สาวญี่ปุ่นชอบความเสมอภาค

ชอบความเท่าเทียม เสมอภาค

ผู้หญิงญี่ปุ่นไม่ชอบให้ดีเด่นเกินหน้าเกินตา พวกเธอชอบที่จะมีความเสมอภาค มีความเท่าเทียมกันมากกว่า ดังนั้นการปฏิบัติตัวของสาวญี่ปุ่นก็จะเหมือนกันๆ ไม่ทำตัวแตกต่างไปจากกลุ่มเพื่อน เพื่อไม่แปลกแยกจนเกินไป แม้ว่าตัวเองจะไม่ชอบก็ตาม การทำตัวเด่นก็จะโดนเพื่อนแบบออกจากกลุ่มไปเลย ซึ่งทำให้ดูขาดความเป็นตัวของตัวเอง

ชอบทำตามแฟชั่น

เฉพาะเรื่องแฟชั่นและเรื่องที่เป็นที่นิยมเท่านั้นที่ผู้หญิงญี่ปุ่นจะชอบทำตามกระแส  ไม่ว่ามีอะไรดังๆ สาวญี่ปุ่นก็จะชอบทำตาม ร้านอาหารญี่ปุ่นไหนดังก็จะสามารถยืนต่อแถวได้เป็นกิโล เสื้อผ้าแฟชั่นมาแนวไหนสาวๆญี่ปุ่นก็จะไม่พลาดที่หาซื้อมาใส่ไม่ยอมตกเทรนกันเลยก็ว่าได้

ม่พล

ติดตามเราได้ที่ช่องทาง Social 

EIYAIDA Facebook Page

อยากเรียนต่อญี่ปุ่น แพงไหม ต้องทำอย่างไร มีรายละเอียดไปดู!!

อยากเรียนต่อญี่ปุ่น คำที่หลายคนสนใจ หากน้อง ๆ สนใจจะไปศึกษาต่อในญี่ปุ่น สิ่งแรกที่ควรทำ คือการหาโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่สนใจ รวมทั้งสาขาวิชาที่เหมาะกับตนเองด้วย เนื่องจาก การเดินทางไปญี่ปุ่นโดยไม่ศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบก่อนจะทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ และอาจทำให้น้อง ๆ ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ไม่เหมาะกับน้อง ๆ เลยก็ได้

ขั้นตอนเริ่มต้นในการมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น มีดังนี้

การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น

อยากเรียนต่อญี่ปุ่น ต้องรู้การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากสำหรับนักเรียนต่างชาติที่ต้องการศึกษาต่อในญี่ปุ่น โดยเฉพาะนักเรียน/ นักศึกษาที่จะเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายหรือมหาวิทยาลัยที่สอนเป็นภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว หรือ โรงเรียนอาชีวะศึกษา ยิ่งน้อง ๆ มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นในระดับสูงเท่าไร ก็ยิ่งมีสิทธิที่จะได้เข้าเรียนต่อมากขึ้นเท่านั้น

น้อง ๆ อาจเคยรับทราบเกี่ยวกับสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น JLPT (นิฮงโกะโนวเรียวคุชิเค็ง) ซึ่งเป็นการสอบที่จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดความสามารถทางด้านภาษาญี่ปุ่นของชาวต่างชาติ คล้ายกับการสอบภาษาอังกฤษ TOEIC TOEFL ฯลฯ โดย การสอบ JLPT นี้แบ่งเป็น 5 ระดับด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ N5 เป็นระดับที่ต่ำสุด ไปจนถึง N1 เป็นระดับที่สูงสุด ในหนึ่งปีจะมีการจัดสอบ JLPT สองครั้ง คือวันอาทิตย์แรกของเดือนกรกฎาคม และวันอาทิตย์แรกของเดือนธันวาคม

ทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว

การเตรียมเอกสาร

เอกสารสำคัญที่จำเป็นสำหรับการสมัครเข้าศึกษาต่อในญี่ปุ่น ได้แก่

  • ใบผลคะแนนสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น
  • สำเนาพาสปอร์ต
  • หนังสือรับรองการศึกษาจากสถานศึกษาปัจจุบัน
  • หนังสือแสดงผลการศึกษา (Transcript)
  • ปริญญาบัตร (ในกรณีที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมาต่อปริญญาโท)
  • หนังสือรับรองสถานะการเงินจากธนาคาร

ทั้งนี้ ส่วนใหญ่โรงเรียน/ มหาวิทยาลัยจะขอรับเอกสารฉบับจริงประกอบการพิจารณา (ยกเว้นหนังสือเดินทาง) ทั้งยังจะใช้เป็นเอกสารประกอบการออก Certificate of Eligibility ที่ใช้เพื่อขอวีซ่าด้วย

ค่าใช้จ่าย                              

การเดินทางไปศึกษาต่อในญี่ปุ่นย่อมใช้ทุนทรัพย์มากกว่าในประเทศ เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงกว่า สำหรับค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ประกอบด้วย

  • ค่าเล่าเรียน
  • ค่าหอพัก
  • ค่าสาธารณูปโภค
  • ค่าเดินทาง และอื่น ๆ

ค่าเล่าเรียนสำหรับนักเรียนระดับระดับมัธยมปลายในปีแรกเริ่มต้นที่ประมาณหนึ่งล้านเยน ประกอบด้วย

  • ค่าใช้จ่ายแรกเข้า
  • ค่าเล่าเรียน
  • ค่าเสื้อผ้า (ชุดนักเรียน)
  • ค่าหนังสือ

สำหรับค่าเล่าเรียนระดับมหาวิทยาลัยในปีแรก

  • (1) สำหรับมหาวิทยาลัยของรัฐเริ่มต้นที่ประมาณ 800,000 เยน
  • (2) มหาวิทยาลัยเอกชนเริ่มต้นที่ประมาณ หนึ่งล้านเยน ค่าใช้จ่ายประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายแรกเข้า และค่าเทอมเว้นแต่นักศึกษาจะได้รับทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนหรือทั้งหมด

ขอบคุณข้อมูลจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว

********************************************************************************

บริการให้คำปรึกษา

การทำวีซ่าเรียนต่อต่างประเทศ วีซ่าทำงาน วีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าแต่งงาน ฯลฯ

*** สำหรับท่านที่ต้องการทำวีซ่านักเรียน แต่ไม่มี NON-IMMGRANT ED ,ไม่มีเอกสารการจากทางสถาบันการศึกษา กรุณาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและอัตราค่าบริการได้ที่ Line id : @EIYAIDA

EIYAIDA Facebook Page

5 ทะเลสาปสุดสวยรอบฟูจิ จุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด ในการชมความงามฟูจิซักครั้งในชีวิต

ฤดูหนาวญี่ปุ่น
5 ทะเลสาปสุดสวยรอบฟูจิ ว่ากันว่าในชีวิตหนึ่งมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นต้องมาเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิให้ได้ ถ้าไม่ได้มาภูเขาไฟฟูจิก็เหมือนมาไม่ถึงญี่ปุ่น เพราะภูเขาไฟฟูจิเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปชมภูเขาไฟฟูจิกันมีอยู่ 2 ที่ คือ ทะเลสาบคาวากูจิโกะ และฮาโกเนะ  แต่ทะเลสาบคาวากูจิโกะจะอยู่ใกล้ภูเขาไฟฟูจิมากกว่า  สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ชัดเจนและสวยงามมากว่า อีกทั้งยังสามารถขึ้นกระเช้าไฟฟ้าชมวิว ล่องเรือในทะเลสาบคาวากูจิโกะชมความงามตามธรรมชาติได้อย่างเพลิดเพลินตา ถือว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยงามนักท่องเที่ยวอย่างเราก็ไม่พลาดที่ถ่ายภาพสวยๆเก็บไว้ และที่สำคัญต้องถ่ายภาพคู่กับภูเขาไฟฟูจิด้วยนะ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง

ภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น สูงถึง 3,776 เมตร ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาไฟที่มีโอกาสปะทุต่ำ ระเบิดครั้งล่าสุดในปี ค.ศ. 1707 ที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิคลอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัดได้แก่ ชิซุโอคะ  และ ยามานาชิ

ทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว

เอกลักษณ์ของภูเขาไฟฟูจิอยู่ที่รูปทรงของภูเขาไฟฟูจิ ถือว่าเป็นภูเขาไฟที่มีรูปทรงสวยที่สุดในโลก คือมีความสมมาตรกันทุกด้าน ไม่ว่าจะมองมุมไหนจะไม่มีบิดเบี้ยว  และสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละฤดู ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ให้มาเที่ยวชม จนถือได้ว่า ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาไฟในฝันที่นักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวชมให้ได้

สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาชมภูเขาไฟฟูจิ เนื่องจากว่า ภูเขาไฟฟูจิ ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นภูเขาไฟขี้อาย คือ ไม่ค่อยมีใครได้เห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนง่ายๆ เพราะมีเมฆหมอกบดบังตลอด ต้องเชคสภาพอากาศให้ดี เพราะฉะนั้นถ้าวันไหนพระอาทิตย์ขึ้น ท้องฟ้าสดใสก็เตรียมตัวไปชมความงดงามของภูเขาไฟฟูจิได้เลย

ฤดูใบไม้ผลิญี่ปุ่น

สำหรับนักท่องเที่ยวอยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม ก็มีจุดที่สามารถชมได้บริเวณรอบๆภูเขาซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม มีทะเลสาบทั้ง 5 แล้วแต่ว่านักท่องเที่ยวสะดวกที่จุดไหนเที่ยวชมได้ตามใจชอบเลย

5 ทะเลสาปสุดสวยรอบฟูจิ จุดท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ถ้ามาญี่ปุ่น มีดังนี้

  1. ทะเลสาบคะวะกุจิโกะ

    จุดนี้เป็นเหมือนเป็นเหมือนศูนย์กลางที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชมภูเขาไฟฟูจิมากที่สุดเพราะสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนที่สุด และยังมีพิพิธภัณฑ์หอศิลป์และที่พักพร้อมบ่อน้ำแร่ธรรมชาติให้ผ่อนคลายได้อีกด้วย

  2. ทะเลสาบยะมะนะกะโกะ

    ทะเลสาบที่ใหญ่สุด มีรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศฤดูร้อนจำนวนมาก เป็นที่นิยมที่นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาพักผ่อน

  3. ทะเลสาบโมโตสุโกะ

    ทะเลสาบแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่ แต่อยู่ไกลสุด ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว แต่ทะเลสาบแห่งนี้ถือว่าเป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุด น้ำในทะเลสาบใสมาก ภาพทะเลสาบนี้ตีพิมพ์อยู่บนด้านหลังของธนบัตรพันเยนและห้าพันเยนของญี่ปุ่น

  4. ทะเลสาบโชจิโกะ

    ทะเลสาบที่เล็กสุดในบรรดาทะเลสาบทั้ง 5 เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ตกปลาและกิจกรรมแบบครอบครัว คนญี่ปุ่นมาปิคนิคกัน และมีพายเรือไปนั่งตกปลากันกลางทะเลสาบกันเยอะมาก

  5. ทะเลสาบไซโกะ

    ทะเลสาบขนาดเล็ก รอบๆเป็นธรรมชาติที่เงียบสงบ แวดล้อมด้วยผืนป่าไม้อันอุดม มีถ้ำต่างๆ ไม่ค่อยมีโรงแรมที่พัก

EIYAIDA Facebook Page

การเตรียมเสื้อผ้าเที่ยวญี่ปุ่น ให้เหมาะกับสภาพอากาศทั้ง 4 ฤดูกาล ชิ๊คๆชิวๆ บิ้วอารมณ์กันหน่อย

การเตรียมเสื้อผ้าเที่ยวญี่ปุ่น

การเตรียมเสื้อผ้าเที่ยวญี่ปุ่น เป็นเรื่องปกติหากต้องเดินทางไปธุระหรือไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น หรือต่างประเทศที่ภูมิอากาศต่างจากเมืองไทย เราต้องเตรียมเสื้อผ้าให้เข้าสภาพอากาศ ดังนั้นเราต้องทราบก่อนว่าช่วงเวลาที่เราไปนั้นอากาศเป็นอย่างไร

เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีครบทั้งสี่ฤดู สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเร็ว ก่อนการเดินทางควรเช็คสภาพอากาศให้ดีเสียก่อน เพื่อที่จะได้เตรียมเสื้อให้เข้าสภาพอากาศและไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง การเตรียมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้เข้ากับสภาพอากาศ ก็เป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่ทำให้สาวๆต้องตื่นตัวตลอดเวลา เพราะในหนึ่งฤดูจะมีเวลาแค่สามเดือน ซึ่งถือว่าเร็วมาก หากเตรียมตัวไม่ดี ก็จะมีปัญหาในการไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นแน่นอน

EIYAIDA Facebook Page

การเตรียมเสื้อผ้าเที่ยวญี่ปุ่น แต่ละฤดูในญี่ปุ่นมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร และควรแต่งตัวอย่างให้เข้าสภาพอากาศในญี่ปุ่น

ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์)

ฤดูหนาวญี่ปุ่น

ฤดูหนาวที่ญี่ปุ่นจะหนาวเย็นมาก และมีหิมะตก สภาพอากาศหนาวสุดขั้วต่างจากอุณหภูมิที่ประเทศไทย ถ้าต้องเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้ควรเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เช่น เสื้อโค้ท ผ้าขนสัตว์ แจ็กเกตที่หนาเป็นพิเศษ หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้าแบบหนา ที่ปิดหู รองหุ้มส้นหรือรองเท้าบู้ท อากาศหนาวเย็บแบบนี้คนไทยควรดูแลรักษาสุขภาพเป็นอย่างดีและควรสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นอยู่เสมอ หากเตรียมตัวไม่พร้อมอาจทำให้ไม่สบายได้

ฤดูใบไม้ผลิ  (มีนาคม-พฤษภาคม)

ฤดูใบไม้ผลิญี่ปุ่น

คนญี่ปุ่นถือว่าอบอุ่น แต่สำหรับคนไทยยังถือว่าอากาศค่อนข้างเย็นเป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการท่องเที่ยวมากที่สุดช่วงหนึ่ง เพราะสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้แบบสบาย อากาศกำลังดี การแต่งตัวช่วงนี้ก็เป็นอะไรที่สบายๆ แต่สำหรับคนไทยก็ถือว่าอากาศยังมีความเย็นอยู่ ควรเตรียมเสื้อแจ็กเกตหรือเสื้อกันหนาวไปด้วย เพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย อาจจะเพิ่มสไตล์การแต่งตัวด้วยผ้าพันคอ หรือเสื้อคลุมไหล่เก๋ๆ กางเกงขายาวหรือใส่ถุงน่องแบบหนาๆ และร้องเท้าหุ้มส้น ก็มิกซ์แอนด์แมตสวยเก๋ไปอีกแบบ

ฤดูร้อน  (มิถุนายน-สิงหาคม)

ฤดูร้อนญี่ปุ่น

สภาพอากาศใกล้เคียงกับเมืองไทยไม่หนาวมาก ถ้าเดินทางไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้ ก็สามารถแต่งตัวเหมือนกับเมืองไทยได้ ไม่ต้องเตรียมเสื้อผ้าอะไรมากเป็นพิเศษ แต่งตัวให้ดูสดใน ตามแฟชั่น รองเท้าหุ้มส้นสั้น แว่นกันแดด หรือหมวกเก๋ๆสักใบ พร้อมแล้วก็ออกเดินทางท่องเที่ยวชมดอกไม้นานาพันธ์ที่บานสะพรั่งรอนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม และในช่วงตอนกลางคืนอาจมีอากาศเย็นบ้างก็ควรจะเตรียมแจ็คเกตเพื่อสวมใส่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย

ฤดูใบไม้ร่วง  (กันยายน-พฤศจิกายน)

ฤดูใบไม้ร่วงญี่ปุ่น

ในช่วงนี้อากาศจะกลับเริ่มเย็นอีกครั้ง นักท่องเที่ยวอาจจะไม่เยอะมาก แต่บางคนก็ชอบที่จะมาท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงนี้เพราะคนจะไม่ค่อยเยอะเท่าฤดูใบไม้ผลิ  ส่วนการแต่งกายก็ไม่ถึงกับต้องใส่เสื้อโค้ทตัวหนามาก แต่ควรมีเสื้อไหมพรมหรือเสื้อแขนยาวด้านในด้วย ถุงน่องก็ควรเป็นแบบหนาและยาว ร้องเท้าหุ้มส้นสั้น หรือจะใส่เลกกิ้งตัวหนาๆก็ยังได้อยู่ในช่วงนี้

ทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว

10 เรื่องประทับใจที่ชวนคิดถึงจนอยากกลับไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นอีกครั้ง

เรื่องน่าประทับใจของญี่ปุ่น

เรื่องน่าประทับใจของญี่ปุ่น มีหลายอย่าง 10 เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราคัดมาว่า ชาวต่างชาติที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นต้องประทับใจอย่างแน่นอน ตั้งแต่แรกเห็น หรือตั้งแต่แรกก้าวเท้าออกจากสนามบิน เลยทีเดียว นี่ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเดินทางและเสน่ห์ความเป็นญี่ปุ่น และเอเชียนั่เอง

10 เรื่องน่าประทับใจของญี่ปุ่น มีอะไรบ้าง

ถ้าคุณเคยมาเที่ยวก็คงจะเคยเห็นบ้างบางข้อ หรืออาจเห็นมากกว่านี้ก็แล้วแต่ ลองคอมเมนท์แนะนำเพิ่มเติมมาได้นะครับผม

บริการเป็นเลิศ ไม่ต้องทิป

ทุกครั้งที่เราไปใช้บริการร้านอาหารหรือร้านต่างๆ เราจะได้รับบริการที่ดีจากพนักงานเสมอ จนรู้สึก อบอุ่น ประทับใจ บริการออกมาด้วยใจ ไม่หวังทิปแต่อย่างใดเพราะเขาคิดว่าลูกค้าคนที่สำคัญที่สุด เขาจึงบริการออกมาให้ดีที่สุด

มารยาทการขึ้นลงบันไดของคนญี่ปุ่น

มารยาทการขึ้นลงบันได

คนญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญเวลาขึ้นลงบันไดตามสถานนีรถไฟมาก เพราะจะต้องยืนอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง ถ้าอยู่ในโตเกียว ก็จะยืนฝั่งขวา ส่วนในเกียวโตจะยืนอยู่ซ้าย และจะไม่ยืนอยู่ตรงกลางบันไดเพราะ เพราะเป็นการเกะกะขวางทางคนอื่นที่ต้องจะรีบเดินทาง ซึ่งนักเที่ยวต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าประทับใจในความเป็นระเบียบของคนญี่ปุ่นมาก

บริการน้ำดื่มฟรีทุกที่

เมื่อคุณไปใช้บริการร้านอาหารหรือร้านกาแฟ หรือร้านต่างๆ คุณจะได้รับบริการสิ่งแรกเลยคือน้ำดื่มที่สะอาดเย็นฉ่ำมาต้อนรับคุณก่อนเสมอ ซึ่งต่างจากบ้านเราถ้าเข้าร้านอาหารบางแห่ง ต้องสั่งน้ำด้วยทุกครั้งไม่งั้นไม่ได้กิน ซึ่งมันทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงมิตรไมตรีที่หยิบยื่นให้จนเกิดความประทับใจไม่รู้ลืม

คนญี่ปุ่นเข้าแถว

การเข้าแถว

ชาวญี่ปุ่นจะเคร่งครัดและให้ความสำคัญในการเข้าแถวใช้บริการสาธารระพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการ รอขึ้นรถ รอซื้อของ รอซื้อตั๋ว หรือเข้าห้องน้ำ สาธารณะ ชาวญี่ปุ่นจะยืนเข้าแถวรอ ไม่มีใครแซงคิวเพราะถือว่าบริการสาธารณะทุกคนมีสิทธิเท่ากัน ซึ่งภาพนี้เราจะเห็นได้ทั่วไป ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าประทับและน่าเอาเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้มาก

เสียงกริ๊งจากวัด

การใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นในชนบทก็ยังคงใช้ชีวิตกันแบบเรียบง่าย ทุกวันจะมีเสียงกริ๊งจากวัดในชุมชน ที่ดังเตือนในช่วงบ่ายแก่ๆ เป็นสัญญานบอกว่าได้เวลาที่เด็กนักเรียนตัวน้อยกำลังจะกลับบ้านแล้ว สักพักก็จะเด็กนักเรียนญี่ปุ่นตัวน้อย หน้าตาน่ารักสดใส พากันเดินกลับบ้าน เป็นภาพและบรรยากาศที่น่าประทับสำหรับนักท่องเท่ยวได้ไม่น้อยเลย

ความตรงเวลาของขนส่งสาธารณะ

ซึ่งนักท่องเที่ยวทุกคนจะทึ่งกับความตรงเวลาของรถขนส่งสาธารณะที่ประเทศญี่ปุ่นมาก ตรงประเภทที่ว่านับกันเป็นวินาทีเลย โดยเฉพาะรถไฟ ทำให้วางแผนการเดินทางในการท่องเที่ยวได้แม่นยำ

เตรียมผ้าเปียกไว้คอยบริการ

ในประเทศญี่ปุ่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เกือบทุกร้านจะต้องมีผ้าเปียกไว้คอยบริการลูกค้า เนื่องจากว่า การเดินทางไปในที่ต่างๆ อาจไปเจอสภาวะอากาศที่ร้อน มีฝุ่นติดตัว หรือมีการเปื้อนเนื่องจากการสัมผัสสิ่งต่างๆมา ซึ่งทางร้านก็จะเตรียมผ้าเปียกไว้ให้เช็ดก่อนรับประทานอาหาร เป็นการใส่ลูกค้ามาก แล้วจะไม่ให้ทับใจยังไงไหว

ทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว

มารยาทในรถขนส่งสาธารณะ

คนญี่ปุ่นมีมารยาทในที่สาธารณะมาก ไม่มีการพูดคุยกันส่งเสียงดัง ไม่มีการโทรศัพท์ ซึ่งถ้ามีใครเกิดคุยเสียงดังขึ้นมาตอนนั้นล่ะก็ จะถูกผู้คนที่นั่งรถสาธารณะมองด้วยสายตาจนคุณนั้นรู้สึกถูกเพ่งเลง และรู้สึกอายแทบจะมุดแผ่นดินหนีเลยทีเดียว

ความมีน้ำใจ

คนญี่ปุ่นขึ้นชื่อเป็นคนมีน้ำใจมาก เพราะถ้ามีนักท่องเที่ยวแวะเข้าไปถามทาง แต่ด้วยปัญหาด้านการสื่อสารที่คุยกันไม่รู้เรื่อง แต่คนญี่ปุ่นก็จะพยายามช่วยเหลือจนได้ บางครั้งแทบจะจูงมือเดินไปส่งถึงที่ จนสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวมากๆ

คนญี่ปุ่นจะไม่ทิ้งขยะตามถนนหรือที่สาธารณะ

ถึงมีแม้อยากจะทิ้งขยะแต่ถ้าไม่มีถังขยะแถวนั้น คนญี่ปุ่นก็จะเก็บไว้กับตัวรอไปทิ้งที่ถังขยะในจุดที่เตรียมไว้ให้เท่านั้น เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่น่าประทับใจและน่าเอาเป็นตัวอย่าง

EIYAIDA Facebook Page

เราหวังว่าส่งเรื่องเรานำเสนอจะทำให้คุณได้รับข้อมูล และมีความชอบที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่นกันบ่อยๆนะครับ