ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ทำเลใกล้โตเกียว เที่ยวง่ายๆ แค่ 2 ชั่วโมง

ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่
หลายๆคนอาจจะเคยมาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วและอาจเคยมาที่ ฟูจิเพื่อชมวิวภูเขาแล้ว ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาดเนื่องจากการเดินทางที่ใกล้และมีสถานที่ให้เที่ยวมากมายไม่แพ้ฟูจิและทะเลสาบคาวากูจิโกะ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็มีจุดที่เป็นไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาดเช่นกัน ตามดูกันเลยครับ

1.ชมงานศิลป์ และ ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่ Hakone Museum of Art

ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่ Museum of Art

มุ่งหน้าไปที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Hakone ซึ่งมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของสวน moss และสวน Sekirakuen Garden ที่นี่ Sekirakuen เป็นสวนแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นซึ่งตั้งอยู่ติดกับสวนมอส นี่เป็นจุดเด่นของพิพิธภัณฑ์ศิลปะ Hakone ซึ่งเป็นจุดเด่นของเมเปิ้ลและต้นไม้ที่มีการเปลี่ยนสีอื่น ๆ ซึ่งครองความงามสูงสุดในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

คุณสามารถเดินไปตามเส้นทางหินคดเคี้ยวผ่านเงาของต้นเมเปิ้ลที่ปลูกในสวนมอสส์ คุณจะพบกับทางเดินที่เต็มไปด้วยใบไม้แดงหล่นลงเต็มทางเดิน! ที่จะมีเสน่ห์และความคิดที่ยอดเยี่ยมในการสำรวจธรรมชาติที่คุณพบในบริเวณพิพิธภัณฑ์นอกจากนี้ผมขอแนะนำให้คุณดูคอลเลกชันศิลปะภายในพิพิธภัณฑ์

ช่วงเวลาแนะนำ : กลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : https://goo.gl/maps/m5QU5b62ykA2

Official Website : http://www.moaart.or.jp/hakone/

2.ล่องเรือเก็บภาพ ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่ Ashi Lake

ล่องเรือชมใบไม้เปลี่ยนสี ที่ ทะเลสาปอะชิ

ทะเลสาป Ashi เป็นทะเลสาปที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิด้านหลังเป็นทะเลสาบเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮาโกเนะ ในความเป็นจริง Ashinoko เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับการชมยอดเขาหิมะปกคลุม ภูเขาไฟฟูจิ มุมมองของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ ฟูจิเหนือทะเลสาบ Ashi งดงามอย่างแท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ฤดูใบไม้ร่วง เมื่อบริเวณโดยรอบของป่าปกคลุมไปด้วยสีสันสดใส คุณสามารถทัวร์ฤดู ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่สวยงามโดยการล่องเรือชมวิว จะทำให้คุณมีความสุขมากที่ได้เห็น Mount Fuji และสีฤดูใบไม้แดงรอบ ๆ Ashinoko และดีกว่าการเดินเล่นในสวน

บนเรือโจรสลัดที่มีรูปเรือ Hakone และมันทำให้ผมรู้สึกเหมือนพิ่งกลับมาในยุคกลางมันเป็นช่วงเวลาที่น่าทึ่งที่ฉันยังคงจำได้อยู่ดี นอกจากนี้คุณยังสามารถเดินทางไปยัง Haokne Detached Palace Garden, Moto-Hakone และ Hakone Checkpoint เพื่อชมทัศนียภาพอันงดงามของทะเลสาบร่วมกับ Mt. ฟูจิ

ช่วงเวลาแนะนำ : กลางเดือนพฤศจิกายนเป็นฤดูยอดนิยมเพื่อให้เห็นภาพใบไม้ร่วงที่มีสีสันสดใสที่นี่

พิกัดhttps://goo.gl/maps/8rN3yGNok2L2

Official Website : –

บริการรถนำเที่ยวญี่ปุ่น

3.ทางเดินใบไม้แดง ที่ Choanji Temple

ทางเดินใบไม้แดง ที่ Choanji Temple

วัด Choanji สร้างขึ้นในปีพ. . 1356 ที่ฐานของเนินเขาและตั้งอยู่ใกล้ป้ายรถเมล์ Sengoku ทางตอนเหนือของเขต Susuki Fields เป็นหนึ่งในสถานที่โปรดของฉันที่ได้เห็น ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ เหมือนสีที่ตกลงบนพื้น ชวนจิเป็นวัดที่มีขนาดเล็กกว่าวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองเกียวโต แต่ความงามที่ซ่อนอยู่ของวัดนี้จะมีเพียงครั้งเดียวในหนึ่งปีและนั่นก็คือช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

มีรูปปั้นหินที่สวยงามหลายสิบรูปของเหล่าสาวกของพระพุทธเจ้ากระจัดกระจายอยู่บริเวณวัด ใบหน้าของพวกเขาดูแปลก แม้ว่าการโพสต์ท่าทางของรูปปั้นนั้นจะสวยแต่ก็ดูแปลกๆอยู่พอสมควรในวิสัยปกติ บริเวณวัดมีความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้ผลัดใบหลายแห่งพร้อมกับไผ่งาม

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นถึงกลางเดือนพฤศจิกายนเพื่อดูใบไม้ร่วงเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด

พิกัด : https://goo.gl/maps/TrpCNdceYfC2

Official Website : –

4.ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่ Hakone Motosumiya Shrine

ศาลเจ้าจักรพรรดิ Komagatake

ต้นกำเนิดของศาลเจ้าประมาณ 2400 ปีก่อนจักรพรรดิ Takaaki Godai จักรพรรดิตอนนั้นคือ Kiyoshiuranai โดยได้ย้ายเอาศาลของจักรพรรดิองค์เดิม (Itoku) ไป Kamiyama ที่วัดยอดเซินเจิ้น Komagatake และเปิดเป็นศาลเจ้า Taketo Toshiyuki โดย GenToshi (Tianjin HimoRogi) การเริ่มต้นในพิธีกรรมของ Komagatake เป็น Tianjin Iwasakai (Iwasaka Tianjin)

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แสงจากพระอาทิตย์ส่องแสงดึงดูดความศรัทธาแห่งจักรพรรดิ และคนธรรมดรุ่นต่อ ๆ ไปไม่ได้ตัดร่องรอยของผู้ที่นับถือพุทธศาสนิกชนของเคียวโกะ จนพระพุทธศาสนาเข้ามาในยุคจักรพรรดิ 29 Kinmei (Kinme) ของ รัชกาลจักรพรรดิได้กลายเป็นที่ที่มีชื่อเสียงเป็นสถานที่ใช้สอบจิตวิญญาณ (Shusons) ฯลฯ และพยายามดำรงค์อยู่ของลัทธิวิญญาณ

ปัจจุบันศาลเจ้าฮาโกเนะเป็นศาลเจ้าซึ่งสร้างศาลเจ้าบนฝั่งของ Ashinoko ที่เชิงเขาศาลเจ้า Motomiya แห่งการประชุมสุดยอดครั้งนี้เป็น Okumiya ซึ่งสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี 1964 Toshitsutsumi Kojiro บริจาคตั้งแต่นั้นพิธีกรรมคือ Imuosamu และมีการกราบไหว้บูชาตลอดสี่ฤดูกาล

แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ม้าหินหิน ปกคลุมด้วยเชือกที่ถูกขโมยเรียกว่าโคตรของโคตรม้า กล่าวกันว่าเป็นศิลาก้อนหินที่พระเจ้าทรงเข้ากับฮาคุบะ

หลุมบนหินเป็นร่องรอยของกีบของม้าที่ขี่ม้าและน้ำที่สะสมอยู่ในรูบอกว่ามันไม่เคยเหี่ยวเฉาแม้โดยหินแปลกๆที่มืด

นอกจากนี้ทางด้านขวาของถนนจะมีม้าหินซึ่งทำให้ Hakuba เชื่อมั่นในสิ่งนั้น ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเจ็ดคนของเทือกเขานี้

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : https://goo.gl/maps/NpQ1z2oyRb52

Official Website : http://hakonejinja.or.jp

5.กระเช้าขึ้นสู่ศาลเจ้าจักพรรดิ์ Komagatake Ropeway

กระเช้าขึ้นศาลเจ้าจักรพรรดิ Komagatake

จาก Hakone ที่ทะเลสาบ Hakone Ashinoko จนถึงยอดเขา Hakone Komagatake เราเชื่อมต่อยาว 1,783 เมตรและใช้เวลา 7 นาที ในการประชุมสุดยอดมีดาดฟ้าสังเกตการณ์และ Hakone Motomiya ซึ่งกลายเป็นจัตุรัสขนาดใหญ่

ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่มีมุมมองจากยอดเขากระจายไปยัง Hakone ในมุมมองแบบพาโนรามาเช่นสวนขนาดเล็กที่อยู่ใจกลางทะเลสาบ Ashi ฟุตตระหง่าน Mount Fuji ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือยัง Shichito Izu ห่างจาก Suruga Bay Shonan coast panorama ขนาดใหญ่ได้รับ นำไปใช้กับ Boso Peninsula

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : https://goo.gl/maps/kGqG6AXgXo92

Official Website : http://www.princehotels.co.jp/amuse/hakone-en/watch/ropeway.html

6.ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่อุทยาน Daikanzan

ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่ Daikanzan

Cr. Pic Daikanzan Red leaf credit : toys 51030023 at Flickr

Daikanzan เป็นฮิลล์ในท้องถิ่นที่มีทัศนียภาพที่น่าทึ่งของเมือง Mt. Fuji และทะเลสาบ Ashinoko ซึ่งคุณสามารถเข้าถึงยอดเขาได้จาก 2 วิธี ถนนสายเก่า และ2 ทางด่วนที่ต้องจ่ายค่าผ่านทาง Hakone Turnpike ซึ่งได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็นทางด่วนมาสด้าในเวลาต่อมา

วิธีนี้จะพาคุณขึ้นเนินเขาที่มีมุมกวาดไปพร้อมกับเส้นทางที่ยาวตรงที่พวกเขาใช้สำหรับการแข่งขัน ผมเชื่อว่าคุณสามารถใช้ถนนนี้ขึ้นไปด้านบนด้วยราคา 750 เยน ถ้าคุณต้องการบันทึกเภาพและเก็บสถานที่บริเวณทะเลสาปก่อนคุณก็สามารถทำได้ใน Hakone และเลี้ยวซ้ายและใช้ถนนนี้ไปด้านบน

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : https://goo.gl/maps/LcDjcYgD1uA2

Official Website : –

วางโปรแกรมฟรี

7.นั่งรถไฟชม ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่ Hakone Tozan Railway

นั่งรถไฟชมวิว ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่

นี่คือรถไฟภูเขาแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น รถไฟออกจากสถานี Hakone-Yumoto (ที่ 96 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) และใช้เวลาประมาณ 40 นาทีเพื่อไปถึงจุดสุดท้ายสถานี Gora (ที่ 541 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล)

เราสามารถเปลี่ยนขบวนโดยสารไปยังในตัวเมืองฮาโกเน่และชมวิว ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ซึ่งเป็นประสบการณ์พิเศษที่สามารถเพลิดเพลินได้เฉพาะกับรถไฟ Hakone Tozan อย่าพลาดครับใบไม้แดงปีไหนสะดวกมาเจอกันครับ

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นถึงกลางเดือนพฤศจิกายน

พิกัด : Sounzan StationOdawara Station

Official Website : http://www.hakone-tozan.co.jp/station/

8.วิวทุ่งหญ้าสีทอง ที่ Sengoku Harimura

วิวทุ่งหญ้าสีทอง ที่ Sengoku Harimura

Sengokuhara เป็นชื่อสถานที่ “Sengoku Harimura” เป็นพื้นที่ราบเชิงเขาที่ใช้ในการเพาะปลูกพืชพันธ์ธัญญาหานและเนื่องจากดินขี้เถ้าภูเขาไฟและพื้นที่ชุ่มน้ำจึงเป็นพื้นที่ๆเหมาะในการเพาะปลูกดังกล่าว

วิวแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนที่ชอบภาพแนวภูมิทัศน์ที่สวยงาม แต่ในสมัยก่อนมันเป็นพื้นที่เพาะปลูกและแหล่งอาหารที่สำคัญของคนในพื้นที่เลยครับ

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

พิกัด : https://goo.gl/maps/iq4RxpeH3282

Official Website : http://www.town.hakone.kanagawa.jp/index.cfm/8,267,37,156,html

9.แวะทานขนม น้ำชา ชมใบไม้แดง ที่ Amazada chaya

แวะทานขนม น้ำชา ชมใบไม้แดง ที่ Amazada chay

Cr. Pic Daikanzan Red leaf credit : toys 51030023 at Flickr

ถ้าคุณมาที่ Hakone ในฤดูใบไม้ร่วงเราขอแนะนำให้คุณไปที่ Amazake Chaya ซึ่งเป็นบ้านชาสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม คุณสามารถเพลิดเพลินกับ “Amazake (เครื่องดื่มร้อนที่ทำจากข้าวหมักไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์)” และเค้กข้าว

ร้านอยู่ประมาณกลางๆเส้นทาง บนถนน โตไคโดะสายเก่า จากจุดลงเรือทะเลสาปอะชิเรียบตามแม่น้ำ Sukumo ไปจนถึงที่ว่าการอำเภอฮาโกเน่

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

พิกัด : https://goo.gl/maps/o73RUL48hvv

Official Website : http://www.amasake-chaya.jp/

10.เปลี่ยนบรรยากาศ ฟังเสียงน้ำตก ที่ Chisuji Falls

เปลี่ยนบรรยากาศ ฟังเสียงน้ำตก ที่ Chisuji Falls

ตั้งอยู่ในลำธารตอนบนของแม่น้ำ Seribin หินโขดหินสูงประมาณ 3 เมตรกว้าง 25 เมตรและแบ่งออกเป็นหลายสายเพื่อที่น้ำจะตกลงไปในรูปแบบ interdigitated จึงเรียกว่ามีนี้ ชื่อ. เมเปิ้ลและเมเปิ้ลหลายแห่งตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงและใบไม้เปลี่ยนสีจะงดงามแมงปอบินรอบเดือนกรกฎาคมและคุณสามารถมองเห็นภาพที่ยอดเยี่ยมและเสียงนำ้ตกกระทบหิน เป็นอะไรที่อาจเสียไป 1 วันเดินทางกับสถานที่แห่งนี้ครับ

น้ำตกแห่งนี้ไม่เคยรู้จักมานานหลายปี แต่ Kyoso Enomoto ผู้ก่อตั้งยุค Taisho “Mikawaya Ryokan” ต้องการแจ้งให้ทราบถึงน้ำตกที่สวยงามนี้

และมีการปรับปรุงถนนและป้ายทางเข้าให้สะดวกขึ้น จึงไม่เป็นการยากที่จะเข้าถึงความงามของสถานที่แห่งนี้

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

พิกัด : https://goo.gl/maps/jtLh8DRpeyj

Official Website : http://www.hakone.or.jp/528

11.มนต์สเน่ห์สะพานเหล็ก ที่ Izayama Iron Bridge

มนต์สเน่ห์สะพานเหล็ก ที่ Izayama Iron Bridge

สะพานเหล็กนี้เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการก่อสร้างรถไฟภูเขา การก่อสร้างได้ดำเนินการกับ 43 นั่งร้านประกอบจากเตียงแม่น้ำไปยังสถานที่ก่อสร้างเพราะภูมิประเทศที่เป็นเรื่องยากมากที่จะสร้างสะพาน

ส่วนหนึ่งของสะพานรถไฟ Tenryu River ของทางรถไฟจ่ายลงถูกเบี่ยงเบนไปเนื่องจากขาดวัสดุภายใต้สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและสะพานเสร็จสมบูรณ์ใน Taisho ในปี 1996 มูลค่าทางประวัติศาสตร์นี้ได้รับการยอมรับและได้รับการอนุมัติเป็นสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้โดย สำนักวัฒนธรรมเมื่อปี พ.. 2542

สะพานนี้อยู่ในเทือกเขาเป็นวิวจากรถไฟ Hakone Tozan อย่าพลาดการเดินทางเพราะมันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากๆ

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

พิกัด : https://goo.gl/maps/GGBnRSBrpjs

Official Website : http://www.hakone-tozan.co.jp/sp/index.php

12.กระเช้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในย่านนี้ Hakone Ropeway

กระเช้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในย่านนี้ Hakone Ropeway

Hakone Ropeway (箱根ロプウエイ) เป็นส่วนหนึ่งของ Hakone Round Course ซึ่งเป็นเส้นทางยอดนิยมในการเยี่ยมชม Hakone เชื่อมต่อกับสถานี Sounzan (ที่ปลายทางของ Hakone Tozan Cablecar) พร้อมกับสถานี Togendai (ที่ฝั่งทะเลสาบ Ashinoko) และหยุดที่สถานี Owakudani และ Ubako ระหว่างทาง เส้นทางหลวงจะครอบคลุมโดย Hakone Free Pass

กอนโดลา (ropeway) ออกทุกนาทีและพอดีกับรอบสิบคนแต่ละ การเดินทางระยะทางยาวทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผู้โดยสารสามารถเพลิดเพลินกับทัศนียภาพของแหล่งน้ำพุร้อนซัลฟูริกที่ใช้งานอยู่ของหุบเขาโอวาคันดานี่ระหว่างเมือง Sounzan และเมืองโอวาคูดานิและเมืองไทเก็นได นับว่าเป็นสถานที่ชม ใบไม้เปลี่ยนสีฮาโกเน่ ที่สวยที่สุดแห่งนหนึ่งเลย

(ถ้าสามารถมองเห็นได้) จำเป็นต้องลงกระเช้าที่โอวาคูดานี่ แต่ไม่จำเป็นต้องลงที่ Ubako

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

พิกัด : https://goo.gl/maps/J55B4NT9DYt

Official Website : http://www.hakoneropeway.co.jp/station/tohgendai.html

13.สถานที่แปลกตาคนไทย กับวิวหมู่บ้านนรก Owakudahi Valley

สถานที่แปลกตาคนไทย กับวิวหมู่บ้านนรก Owakudahi Valley

Owakudani อยู่ที่ระดับความสูง 1,040 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลกิจกรรมภูเขาไฟยังคงดำเนินต่อไปที่นี่และก๊าซภูเขาไฟจะปะทุขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ เป็นสถานที่ที่อันตรายสำหรับผู้ที่เป็นโรคหอบหืดหรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เป็นสถานที่ชมวิวที่ยอดเยี่ยมซึ่งได้รับเลือกจาก 50 ที่ที่มีทิวทัศน์อันงดงามของเมืองคานากาว่า เป็นจุดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและน่าไปอย่างยิ่งครับ

ช่วงเวลาแนะนำ : ต้นเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป

พิกัด : https://goo.gl/maps/B4HR9R5Ggur

Official Website : http://www.town.hakone.kanagawa.jp/index.cfm/8,257,37,156,html

เที่ยวทั่วไทยไปไกลทั่วโลก

ไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ทริปเดียวเก็บไม่ครบ ก็หลบงานมาหลายๆครั้งก็ได้นะ

ไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น

รายชื่อสถานที่ไฮไลท์ที่ EIYAIDA แนะนำมีดังนี้

ไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ที่เราแนะนำในครั้งนี้ ครอบคลุมพื้นที่หลายภูมิภาคของญี่ปุ่นเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสีสรร และอาการที่กำลังอบอุ่น ไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป

ข้อแรกอาจไม่ใช่ใบไม้เปลี่ยนสี แต่เป็นทุ่งดอกไม้ที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีการปลูกสลับสีให้มีสีสรร สวยงาม และน่ามาเที่ยวยิ่งนัก ส่วน 5 สถานที่ที่เหลือนั้นใบไม้เปลี่ยนสีของแน่ๆครับ มีที่ไหนบ้างที่เรายกให้เป็นไฮไลท์ ไปดูกันเล้ย

ทุ่งดอกไม้สลับสีที่บิเอะและฟูราโน่ (Fall Flower Fields of Furano)

Highlight ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น

ในช่วงเดือนกันยา ไปจนถึงกลางตุลา ไม่ควรพลาดเลยครับ เพราะหลายๆคนอาจจะนึกถึงแต่ใบไม้เท่านั้นที่เปลี่ยนสี แต่ทุ่งดอกไม้ที่นี่บอกได้คำเดียวครับ ปังมาก

ฮิตาชิซีไซด์พาร์ค (Kochia @Hitachi Seaside Park)

ไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น

ช่วงปลายเดือนกันยา จนถึงประมาณสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลา เป็นพาร์คที่น่าไปเที่ยวเอามากๆ ด้วยพื้นที่ๆเป็นเนินเขา และ ทุ่งหญ้าใกล้กับทะเล จึงมามุมที่สวยๆ ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ใบไม้และ ท้องฟ้า ช่างเป็นอะไรที่ลงตัวไม่ใช่น้อยเลยครับ

เมเปิ้ลแดงที่ทะเลสาปคาวากุจิโกะ (Mt. Fuji and Lake Kawaguchi Maples)

เมเปิ้ลแดงที่คาวากุจิโกะ

ประมาณเดินพฤศจิกายนของทุกปี ปฏิเสธไม่ได้ว่าทะเลสาปแห่งนี้เป็นไฮไลท์ของเดือนนี้เลย ที่เที่ยวแถบนี้มีหลากหลายไม่ใช่น้อย ถ้าคุณไปเยือนจังหวัดยามานาชิในยามนี้รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

EIYAIDA Facebook Page

ทางเดินสีแดงที่วัด Bishamondo

ไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น

ทางเดินที่โรยไปด้วยใบไม้สีแดงเข้ม หาได้จากที่นี่ครับ วัดแห่งเมืองเกียวโต ช่วงที่สีแดงเต็มที่จะประมาณ กลางพฤศจิ ถึง ต้นธันวา ตากล้องทั้งหลายไม่ควรพลาดครับ

ใบไม้แดงพร้อมไฟประดับยามค่ำคืนที่วัด Daigoji

ไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสีโอซาก้า

ยังไม่พ้นเมืองเกียวโตครับ บอกได้เลยช่วงกลางพฤศจิกา ถึง ต้นธันวา ใครเดินทางมา เกียวโต โอซาก้า ถือว่าเป็นมืออาชีพเรื่องท่องเที่ยวโดยแท้ครับ ไม่ใช่แค่ 2 ที่ๆกล่าวมาแล้ว ยังมีอีกหลายที่ใน นารา โกเบและโอซาก้า ที่จัดว่าตระการตามากมาย

สุดท้ายในช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีเดียวกันกับโอซาก้าและเกียวโตในเขตโตเกียวเราก็จะขอแนะนำที่นี่เลยครับ ไปแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

ถนนต้นบ๊วยที่จินกู ไกเอน (The Ginkgo Road of Jingu Gaien)

ใบบ๊วยเปลี่ยนสีที่ Jingu Gaien

ไฮไลท์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ในหน้านี้เป็นอีกฤดูที่น่าเที่ยวที่โตเกียวสุดๆอีกเดือนครับ เพราะนอกจากจินกู ไกเอนแล้วยังมีพระราชวังอิมพีเรียล ริมแม่น้ำสุมิดะ และสวนสาธารณะหลักๆในโตเกียวทั้งหลายอีกหลายที่เลย ไม่ควรพลาดครับ นี่เป็นแค่ส่วนที่เรารวบรวมมาตามประสาคนชอบเที่ยวในเมืองครับและเดินทางไปง่ายๆ ตามอุทยานสวยๆก็เยอะแต่ไม่ขอกล่าวถึงละกันนะครับ

ทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว

10 อันดับ ออนเซ็นสาธารณะญี่ปุ่น กับบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ชาตินี้ต้องไปให้ได้ซักครั้ง!!

ออนเซ็นสาธารณะญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นจัดว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมของคนไทยประเทศหนึ่ง วันนี้เรามาแนะนำ ออนเซ็นสาธารณะญี่ปุ่น และวิธีแช่น้ำอุ่นในแบบญี่ปุ่นในบรรยากาศที่ต่างๆกัน เนื่องจากการแข่งขันที่มีสูงในธุรกิจ และ ความแตกต่างของภูมิประเทศของแต่ละพื้นที่ จึงมีการออกแบบออนเซ็นที่เป็นเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ๆ และทำให้เราๆท่านๆทั้งหลาย มีความอยาก ลองเลือกดูได้เลยครับ ชอบบรรยากาศแบบไหน จะสาธารณะ หรือ ส่วนตัวก็ไม่เกี่ยงครับสำหรับแอดมิน ขอให้ได้ไปพอ หุหุ

ออนเซ็นสาธารณะญี่ปุ่น ธีมแม่น้ำ
Takaragawa Onsen (Gunma, Central Honshū)

ออนเซ็น

     Maniacs Onsen ญี่ปุ่นมักจะออกเสียงว่า “กุมมะเคนออนเซ็น” ซึ่งจัดว่าเป็นออนเซ็นที่ดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ และมันเป็นเรื่องยากที่จะโต้แย้งประเด็นนี้ ‘Takaragawa’ หมายถึง แม่น้ำแห่งสมบัติ‘ และสระว่ายน้ำพื้นกระดานไม้จะเรียงรายหลายหลายร้อยเมตรริมฝั่งแม่น้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นสระว่ายน้ำเดี่ยวพร้อมอ่างอาบน้ำสำหรับผู้หญิงท่านเดียวเท่านั้น น้ำแร่อุ่นๆจะช่วยการรักษาความเมื่อยล้าความผิดปกติของประสาทและการย่อยอาหาร รวมทั้งเลือดลมเดินดีขึ้น

พิกัด : https://goo.gl/maps/C5Kx8fu2mkC2

website : www.takaragawa.com

ออนเซ็นสาธารณะญี่ปุ่น ธีมสวนในเมือง
Ōedo Onsen Monogatari (Tokyo)

ออนเซ็นสาธารณะในเมือง

     ตั้งอยู่บนเกาะเทียมของ Odaiba ออกมาในอ่าวโตเกียวนี้ Onsen ซุปเปอร์ยักษ์จำลองเป็นเมืองสมัยเอโดะ มีความหลากหลายมากของอ่างทั้งส่วนตัว และรวมทั้งอ่างน้ำกลางแจ้งเช่นเดียวกับร้านอาหารห้องพักผ่อนคลายและร้านค้า คุณสามารถได้รับการนวดและสปา คุณสามารถใช้เวลาทั้งวันที่นี่แช่น้ำเพื่อสปอยตัวคุณเองได้ 

พิกัด : https://goo.gl/maps/v6TWiEKinPz

website : http://daiba.ooedoonsen.jp/

ออนเซ็นสาธารณะญี่ปุ่น ธีมโขดหิน
Jinata Onsen (Shikine-jima, Izu-shotō)

ออนเซ็นสาธารณะติดทะเล

    คุณจะฟินมากขึ้น ถ้าไป Onsen ที่น่าทึ่งมากนี้ มันอยู่ในร่องหินในทะเลของเล็ก ๆ ที่น่ารัก Shikinejima เกาะที่นั่งเรือข้ามฟากเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากตัวเมืองโตเกียว สระว่ายน้ำจะเกิดขึ้นจากโขดหินริมทะเลและมันเป็นหนึ่งในบรรดา Onsen ที่จะสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อเวลาน้ำลงและมีน้ำร้อนจากธรรมชาติมากพอเท่านั้น คุณสามารถใช้เวลาช่วงเย็น จนค่ำไปกับการดูรถบดสั่นสะเทือนแปซิฟิก crashing บนโขดหิน (คลื่นและลมทะเล) ในบริเวณใกล้กันก็มีบ่อน้ำร้อนอีก คุณสามารถไปได้ทั้ง 2 ที่เพิ่มความตื่นเต้นแก้เบื่อได้ไม่เลวเลยทีเดียวครับ

พิกัด : https://goo.gl/maps/Z5LGZM94Rzz

website : http://shikinejima.tokyo/hotspring/jinata/

บริการรถนำเที่ยวญี่ปุ่น

ธีมเมืองและแหล่งน้ำพุร้อนเก่าแก่
Kinosaki (Kinosaki, Kansai)

ออนเซ็นสาธารณะเมืองเก่า

     Kinosaki บนชายฝั่งทะเลของญี่ปุ่นในภาคเหนือของคันไซ ซึ่งเป็นเมืองออนเซ็นที่มีชื่อ กับ 7 ออนเซ็นสาธารณะญี่ปุ่น ที่น่าสนใจและในบริเวณนี้มีเรียวกังนับสิบแห่งที่ให้บริการ Onsen นี้เป็นสถานที่ที่จะลิ้มลองประสบการณ์เรียวกัง Onsen คุณสามารถผ่อนคลายในที่พักของคุณกับห้องแช่น้ำแบบส่วนตัว จะถ่ายน้ำกี่ครั้งก็ได้ตามที่คุณพอใจ และเมื่อคุณเบื่อการอาบน้ำเรียวกังของคุณ คุณสามารถออกมาเดินถนนในชุดยูกาตะ (เสื้อคลุมผ้าฝ้ายแสง) และ Geta (รองเท้าไม้) กับห้องอาบน้ำสาธารณะ บรรยากาศที่หนาวมากในเวลากลางคืนและพิเศษในช่วงฤดูหนาวที่นี่ ปูยักษ์ คือเมนูที่หวานฉ่ำและไม่ควรพลาด ลุยไปให้สุดๆเลย กับวันออนเซ็นที่แสนพิเศษของคุณครับ

พิกัด : https://goo.gl/maps/wQrtkUC5JTD2

website : http://www.kinsui.net/kinosaki/sotoyu/gosyonoyu.html

ออนเซ็นสาธารณะญี่ปุ่น ธีมอ่าว
Sawada-kōen Rotemburo Onsen (Dōgashima, Izu-hantō)

ออนเซ็นสาธารณะติดอ่าว

     ถ้าคุณชอบมุมมองที่ๆมีวิวทะเลที่เวิ้งว้างกับห้องอาบน้ำของคุณ ไม่มีที่ไหนดีไปกว่า rotenburo อ่างอาบน้ำสาธารณะง่ายๆนี้ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นมหาสมุทรแปซิฟิก ช่วงย่ำรุ่งเป็นเวลาที่คุณสามารถสัมผัสกับบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นและลมทะเลที่สงบ คุณอาจนั่งสมาธิหรือเล่นโยคะในมุมสงบส่วนตัวก็ได้ แน่นอนถ้าคุณไม่หวั่นกับฝูงชน ที่มี่ก็เป็นสถานที่ที่ดีในการชมพระอาทิตย์ตกดินเช่นกัน เพราะคนจะมาใช้บริการบ่อน้ำร้อนสาธารณะแห่งนี้เป็นจำนวนมาก

พิกัด : https://goo.gl/maps/gj4ahTq32KN2

website : http://nishiizu-kankou.com/hotspring/2013/10/post_6.php

ธีมถ้ำ
Lamp no Yado (Noto-hantō, Central Honshū)

ออนเซ็นสาธารณะวิวถ้ำ

     คาบสมุทร Noto-Hanto เป็นที่ๆไกลที่สุดเท่าที่จะสามารถไปได้ในภาคกลางของฮอนชูและริมทะเลเป็นเรื่องที่ไกลที่สุดเท่าที่จะสามารถไปได้ในNoto-Hanto ถนนในชนบทจะนำคุณไปยังเส้นทางที่แคบจากการที่คุณต้องปีนลงเขาโค้งด้วยการเดินเท้า ไม่น่าแปลกใจคุณสมบัตินี้ได้ถูกซ่อนมานานหลายศตวรรษ การแสวงหาญี่ปุ่นที่จะรักษาสิ่งที่สวยงามเหล่านี้

แม้ว่าคืนหนึ่งที่นี่ค่าใช้จ่ายจะแพงมากพอที่จะใช้จ่ายในช่วงหลายสัปดาห์ก็ตาม มันก็คุ้มค่าสำหรับห้องไม้สีเข้มและเสื่อทาทามิในอ่าวที่มี rotenburo ของตัวเองและทะเลญี่ปุ่นในวิวที่คลาสสิคมากๆเมื่อมองทะเลผ่านโขดหินขรุขระและแช่น้ำในออนเซ็นแบบฉบับของ rotenburo เป็นวิวในฝันของหลายคนเลยหล่ะ ว่าไหมครับ ^^

พิกัด : https://goo.gl/maps/sqAYsM27H6E2

website : http://www.lampnoyado.co.jp/

วางโปรแกรมท่องเที่ยวฟรี

ออนเซ็นญี่ปุ่น ธีมป่าเขตร้อน
Urami-ga-taki Onsen (Hachijō-jima, Izu-shotō)

ออนเซ็นสาธารณะกลางป่า

     แม้จะอยู่ในประเทศที่รักการแช่ออนเซ็นสุดๆ ที่นี่เป็นที่ๆยอดเยี่ยมจริง rotenburo ที่สมบูรณ์แบบอยู่ติดกับน้ำตกในป่ากึ่งเขตร้อนเขียวชอุ่ม มันเป็นสิ่งที่พวกเขากำลังถ่ายภาพสำหรับทุกผู้ที่อยู่ในรีสอร์ทแนวบาหลีเพียงแค่นี้เป็นสิ่งที่เพียงพอสำหรับทุกอย่างแล้วครับ นั่งอยู่ในห้องอาบน้ำมีแสงแดดยามบ่ายทะลุใบเฟิร์นมารำไรๆ มันเป็นประสบการณ์ที่มีมนต์ขลังสุดๆเลยครับ ต่อด้วยอาหารเซ็ทสไตร์ญี่ปุ่นอีก ก็ยอดเยี่ยมในวันพักผ่อนที่สำคัญของคุณเลย

พิกัด : https://goo.gl/maps/fzFRU9JbgPQ2

website : http://www.town.hachijo.tokyo.jp/onsen/uramigataki.html

ธีมชายหาด
Shirahama (Shirahama, Wakayama-ken, Kansai)

ออนเซ็นสาธารณะวิวชาดหาด

     มีอะไรบางอย่างแปลก ๆ ที่ชื่นชอบเกี่ยวกับการเล่นกระดานโต้คลื่นในมหาสมุทรแล้วมาแช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ ความคมชัดในอุณหภูมิและกลิ่นอายของไอน้ำเป็นสิ่งที่เราไม่ควรพลาด ที่ชิราฮามะเป็นเมืองชายหาดทางตอนใต้ของคันไซมี Onsen ฟรีบนชายหาด และ Sakino-Yu Onsen ก็มีวิวที่งดงาม น้ำที่ร้อนผสมกับน้ำเย็นของน้ำทะเลที่ซัดมากระทบหินและบ่อน้ำร้อนริมหาด ก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่อีกอย่างนึงเลยครับ

พิกัด : https://goo.gl/maps/Jbb3sJDg3GA2

website : http://www.yado-musashi.co.jp/

ธีมบ่อทรายดำฟื้นฟูสุขภาพ
Takegawara Onsen (Beppu, Kyūshū)

ออนเซ็นสาธารณะบ่อทรายดำ

     บางครั้งความเรียบง่ายคือสิ่งที่ดีที่สุด Onsen แบบดั้งเดิมยุคเมจินี้เปิดเป็นครั้งแรกในปี 1859 และพื้นไม้เรียบส่งคุณกลับไปยังบรรยากาศของญี่ปุ่นในยุคเมจิ ผ่อนคลายและสามารถเข้าถึงได้ทั้งหมด มีห้องซาวน่าส่วนตัวที่ร้อนมาก แยกออกจากห้องรวม ห้องอาบน้ำสำหรับผู้ชายและผู้หญิง Takegawara มีห้องอาบน้ำทรายอุ่นในชุดยูกาตะ ผ้าฝ้าย คุณจะถูกฝังอยู่ถึงคอของคุณด้วยทรายร้อนประมาณ 10 ถึง 15 นาที ตามด้วยการล้างและแช่ในห้องอาบน้ำออนเซ็นที่อยู่ติดกัน เป็นอะไรที่หาได้ยากในการอายออนเซ็นทั่วไป

พิกัด : https://goo.gl/maps/egqSxQ34yC42

website : http://www.takaragawa.com/english.html

ธีมหุบเขาและน้ำตก
Takama-ga-hara Onsen (Northern Japan Alps, Central Honshū)

ออนเซ็นบ่อน้ำร้อนในหุบเขา

     สูงขึ้นไปในเทือกเขาแอลป์ประเทศญี่ปุ่น ถ้าคุณต้องการที่จะแช่ในที่ยอดเยี่ยม rotenburo ริเวอร์ไซด์ฟรีนี้ คุณต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 วันเต็ม ออนเซ็นแห่งนี้ตั้งอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ธรรมชาติในหุบเขาล้อมรอบในทุกด้าน เพื่อบอกความจริงว่า ถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลาสามวันของการเดินไปที่นี่แต่มันก็คุ้มค่ามาก คนญี่ปุ่นบางคนบอกว่าที่นี่เป็น rotenburo ที่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น คุณสามารถพักในกระท่อมคลาสสิคเก่าๆบนภูเขาใกล้เคียงได้

พิกัด : https://goo.gl/maps/oKpJPc2bFwu

website : http://www.gokuraku-jigoku-beppu.com/

เที่ยวทั่วไทยไปไกลทั่วโลก

ใบไม้แดงพร้อมดอกซากุระ ที่โอบาระ ใครพลาดมีนา เมษา มาพฤศจิกา ก็มีทั้งซากุระและใบไม้แดงให้ดูพร้อมกันเลยน้า

ใบไม้แดงพร้อมดอกซากุระ ที่โอบาระ ใครพลาดชมซากุระช่วงหลัก เดือนมีนาคม-เมษายน มาพฤศจิกายน ก็มีทั้งซากุระและใบไม้แดงให้ดูงามๆพร้อมกันเลยน้า ช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสีแถบเขตคันไซ หากใครเดินทางมาจากโตเกียวแล้วจะกลับที่โอซาก้า ขอแนะนำให้แวะเมืองไอจิ

ใบไม้แดงพร้อมดอกซากุระ

นอกจากจะมีใบไม้เปลี่ยนสี ยังมีดอกซากุระป่าที่บานสลับกับไม้ไม้สีเหลืองสีแดง มันก็ให้ภาพที่แปลกตาออกไปจากใบไม้เปลี่ยนสีที่อื่นครับ ซากุระพันธุ์ที่บานช่วงนี้มีชื่อว่า “Shikizakura” หรือ ซากุระสี่ฤดู ซากุระพันธุ์นี้จะบานปีละสองครั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง กล่าวกันว่า ต้นพันธุ์ของซากุระเหล่านี้มีต้นกำเนิดในช่วงต้นปี 1800 เมื่อแพทย์ซามูไร Fujimoto Genseki ได้รับต้นไม้ต้นหนึ่งจากวัดในนาโกย่าแล้วนำมาปลูกในพื้นที่จังหวัดไอจินั่นเอง

four Season Sukura

โดยมีความพิเศษที่แตกต่างจากซากุระทั่วๆไปคือจะบาน 2 ครั้ง ต่อปี ดอก Shikizakura เริ่มบานในช่วงกลางเดือนมีนาคมในฤดูใบไม้ผลิและจะบานอีกครั้งตอนปลายเดือนพฤศจิกายนในฤดูใบไม้ร่วง คุณสามารถชมซากุระที่ออกดอกพร้อมกับใบไม้แดงได้ที่ เมือง Obara จังหวัด Aichi ทางภาคกลางของญี่ปุ่น ซึ่งที่บริเวณนี้จะมีดอก Shikizakura มากถึง 10,000 ต้น

เทศกาลชมซากุระโอบาระ

งานเทศกาลชมดอกซากุระและใบไม้แดงจะจัดขึ้นตลอดเดือนพฤศจิกายนของทุกปี โดยจะมีร้านอาหารแผงลอยสไตล์ญี่ปุ่นตั้งขายในบริเวณงาน นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การแสดง Obara Kabuki ตลอดจนการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กระดาษญี่ปุ่นและศูนย์ศิลปะหัตกรรม นอกจากนี้ยังมีต้น Shikizakura ที่มีอายุมากกว่า 100 ปีซึ่งถือเป็นสมบัติทางธรรมชาติของจังหวัดไอจิให้ชมอีกด้วย

งาน : เทศกาลชมดอกซากุระและใบไม้แดง

ช่วงเวลา : วันที่ 1 – 30 พฤศจิกายนครับ

สนใจให้เราออกแบบทริปที่ต้องการเดินทางเก็บที่เที่ยวสวยๆ ไปแบบส่วนตัว โดยมีโปรแกรมเฉพาะกลุ่มคณะของคุณเท่านั้น คลิกที่นี่

สามารถติดตามเราได้อีกช่องทางบนเฟสบุ๊ค

EIYAIDA Facebook Page

เจดีย์แดงที่สุดของจุดชมวิวฟูจิ สวยทุกฤดู แค่ได้มาถ่ายรูปที่นี่ก็ฟินไม่รู้ลืมละ

เจดีย์แดงฟูจิ

เจดีย์แดงฟูจิ ที่สุดของจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ใช้คำนี้ไม่ผิดหรอกครับ สำหรับสถานที่ให้ภาพสวยๆ อย่างนี้ คุณคงเคยเห็นภาพภูเขาไฟฟูจิในบล็อกหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นมามากมาย แต่คุณรู้ไหมว่าเจดีย์แดง ในจังหวัดยามานาชิแห่งนี้ เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ภูเขาไฟฟูจิที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นจากผลการลงคะแนนในเว็บถ่ายรูปของญี่ปุ่นเองเลย

ทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว

โครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณ และจุดชมวิวภูเขาไฟที่สูงที่สุดของญี่ปุ่น ทำให้เจดีย์แห่งนี้เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่สำคัญ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น รวมถึงเป็นจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมมากอีกด้วย

เจดีย์แดงฟูจิหน้าใบไม้ผลิ

นั่งรถไฟสาย Fujikyuko จากสถานีชินจุกุมาสองชั่วโมงก็จะถึงสถานี Shimoyoshida และเดินต่ออีกเพียงสิบนาทีก็จะถึงเจดีย์แดง หลังจากนั้นเราจะต้องขึ้นบันไดทั้งหมด 400 ขั้น แต่รับรองได้ว่าวิวทิวทัศน์ของภูเขาไฟชื่อดังที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ญี่ปุ่น บนยอดนั้นงดงาม คุ้มค่าแก่การปีนแน่นอน

Sakura Chureito Pagoda

เจดีย์แห่งนี้จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ราวๆกลางเดือนเมษายนในบริเวณนี้) และยังเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมตลอดทั้งปี

autumn chureito pagoda

เจดีย์แดงห้าชั้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้า Arakura Sengen และมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Fujiyoshida Cenotaph Monument หรือ อนุสาวรีย์รำลึกถึงผู้ที่ตายในสงคราม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สันติภาพในปีค.ศ. 1958

เจดีย์แดงฟูจหน้าหนาว

หน้าหนาวมีหิมะปกคลุมก็สวยไปอีกแบบครับ แต่คงเดินขึ้นมาลำบากและต้องทนกับลมแรงพร้อมอากาศที่หนาวนิดนึง แต่รับรองคุ้มค่าแน่นะจ๊ะ 

ก่อนที่จะขึ้นไปชมวิวด้านบนก็ต้องผ่าน ศาลเจ้า Arakura Sengen ที่มีวิวสวยๆคู่ฟูจิ ให้ได้ชมและถ่าย จุดนี้รถสามารถขึ้นถึงได้นะครับ แต่ก็ให้ภาพที่สวยใช่เล่นเลยว่าไหมครับ

เจดีย์แดงฟูจิ

เมื่อผ่านประตูเสาไม้ของศาลเจ้าแล้ว ถ้าอยากขึ้นไปถ่ายรูปเจดีย์แดงและมีฟูจิเป็นฉากหลังแล้วต้องใช้บันได สูงนะ แต่เค้าออกแบบให้คนสูงวัยเดินขึ้นไปได้ง่ายขึ้น

บันไดทางขึ้นชมเจดีย์แดงกับฟูจิ

ยังๆ ดูเอาละกัน ชันขนาดไหน สำหรับคนที่นั่งรถเข็นแบบไม่มีตัวช่วยขึ้นบันไดหมดสิทธ์ครับงานนี้ แต่ยังไงมาเที่ยวศาลเจ้าก็เห็นรูปที่คนอื่นไปถ่าย ก็พอแก้ขัดไปได้เนาะครับ

ทางขึ้นชมวิวเจดีย์แดงคู่ฟูจิ

การเดินทางท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นนั้นสามารถไปได้หลายแบบ แต่การจะเข้าถึงสถานที่พวกนี้ต้องใช้รถ หากคุณใช้รถไฟสาธารณะก็สามารถมาได้นะ แต่คงต้องต่อรถหลายต่อนิดนึง หากอยากให้ทริปเที่ยวญี่ปุ่นของคุณสนุกและไม่เหนื่อยหล่ะก็ แนะนำให้ใช้บริการรถเช่านำเที่ยวพร้อมคนขับแม้ค่าใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นมาบ้าง แลกกับความสะดวกสบายก็คุ้มนะ

สนใจรายละเอียดเรื่องรถตู้นำเที่ยวพร้อมคนขับ คลิกที่นี่

หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดตามเราได้ที่เฟสบุ๊คเพจ

EIYAIDA Facebook Page

5 สุดยอดจุดชมวิวฟูจิ นอกเหนือจากทะเลสาปรอบๆ ภูเขา วิวแบบเข้าถึงได้ไม่ยากเลย

5 สุดยอดจุดชมวิวฟูจิ ที่เราแนะนำในครั้งนี้ ไม่ใช่จุดที่เป็นจุดที่หมาชนคนมาเที่ยวญี่ปุ่นต้องไป แต่เป็นจุดที่หาชมได้ง่ายๆ แม้จะไม่ได้เดินทางมาก็สามารถชมได้แบบไม่ยากเย็นอะไร ถ้ามาเที่ยวญี่ปุ่นแล้ว ใครๆ ก็ต้องหาเวลาไปชมวิวภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่งดงามที่สุดลูกนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะฤดูกาลใดก็ตามฟูจิก็มีเสน่ห์ให้พวกเราได้ชมเสมอ 

อย่าว่าแต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลย คนญี่ปุ่นเองเวลาได้เห็นภูเขาไฟฟูจิก็ยังดีใจ สวยงามขนาดนี้ใครๆ ก็อยากเห็น อยู่ที่ว่าจะดูจากจุดไหนของประเทศเท่านั้นเอง

565f05f621364_565f018e5feb3_1467636135

5 สุดยอดจุดชมวิวฟูจิที่ว่านี้มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

ถนน Ashinoko Skyline (Hakone)

     ใครได้เช่ารถขับอย่าพลาดจุดนี้ กับวิวถนนลดเลี้ยวโดยมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง ยังกับหลุดออกมาจากละครเลย

565f05f6a0531_565f02e77d8db_1112370172

ถนน Izu Skyline (Shizuoka)

       วิวทิวทัศน์ฟูจิที่มองจากห่างๆ ทำให้มองเห็นเมฆลอยต่ำอยู่รอบๆ สามารถขับรถไปด้วยและเพลินเพลินกับวิวภูเขาเบื้องหน้าได้ด้วย

565f05f6e9c5f_565f03409e3c3_229007083

Yokohama (Kanagawa)

       วิวยามเย็น แสงไฟของเมืองโยโกฮามาโดยมีภูเขาฟูจิอยู่เบื้องหลังทั้งสวยงามและโรแมนติคสุดๆ

565f05f73e401_565f03a52c220_2132283481

Shonan Beach (Kanagawa)

มีทะเลเป็นเบื้องหน้าและภูเขาฟูจิเป็นฉากหลัง จะเดินเล่นชายหาด หรือจะเล่นเซิร์ฟ หรือจะนอนเล่นฟังเสียงคลื่นก็สามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้พร้อมๆ กัน หรือจะรอเก็บภาพให้เหมือนในรูปก็ไม่มีปัญหา เรียกว่าได้ทุกอารมณ์กันเลยทีเดียวกับชายหาด Shonan ที่คานากะวะแห่งนี้

 

ไร่ชาเขียวในชซูโอกะ (Shizuoka Matcha Fields)

ไร่ชาสีเขียว ฉากหลังสีฟ้าและมองเห็นฟูจิอยู่ไม่ไกลนัก ถ้าได้มีโอกาสไปแถบชิซูโอกะ อย่าพลาดโอกาสที่จะแวะชม แวะจิชาเขียวรสขมคู่กับขนมหวาน แล้วนั่งชมวิวฟูจิสวยๆ และสัมผัสการเก็บใบชาในไร่จริงๆ มันจะสามารถสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้คุณได้มากเลยทีเดียว

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว กับ 8 วิวญี่ปุ่นสุดงดงามที่ฉาบไปด้วยหิมะ ชาตินี้ต้องไปให้ได้

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว

       ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีฤดู 4 ฤดู และแต่ละฤดูก็จะมีลักษณะเฉพาะตัวที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน หนึ่งในฤดูอันแสนงดงามของญี่ปุ่นนั้นก็คือฤดูหนาว เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว แม้จะหนาวเหน็บ แต่ก็งดงามไปด้วยหิมะสีขาวนวลที่ปกคลุมไปทั่วทุกหนทุกแห่ง 8 วิวทิวทัศน์งามๆ เหล่านี้ เป็นวิวที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็พูดกันว่า ขอเห็นสักครั้งหนึ่งก่อนตายเลยทีเดียว

8. เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ที่ Kinkakuji (Kyoto)

Kinkakuji Winter
       Kinkakuji วัดทองที่ตัววัดเป็นสีทองงดงามไม่ว่าจะฤดูไหน หรือช่วงเวลาไหนของวัน โดยในฤดูหนาวหลังคาวัดถูกฉาบบางๆ ไปด้วยสีขาวนวลของหิมะ ตัดกับสีทองอร่าม รอบๆ ก็เป็นต้นไม่ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะ และส่งเงาสะท้อนไปที่บึงเบื้องล่าง งามตามากๆ แม้จะไม่ได้เปิดให้เข้าชมทุกวัน แต่วิวตอนหลังจากหิมะตกของวัดทอง ก็เป็นอะไรที่น่าเก็บไว้เป็นที่ระลึกยิ่ง

วางโปรแกรมท่องเที่ยวฟรี

 

7. เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ที่ กำแพงหิมะ (Toyama)

Snow Corridor
       กำแพงหิมะที่นี่สูงเป็นอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เกิดจากหิมะที่ตกซ้ำๆสะสมมาตลอดฤดูหนาว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็จะทำการละลายหิมะส่วนที่เป็นถนนเพื่อให้รถผ่าน จึงเกิดเป็นกำแพงที่มีความสูงตระการตาแห่งนี้ นอกจากนี้ในบริเวณนี้ยังมีธรรมชาติที่อุดสมบูรณ์ อย่างป่าสนที่มีอายุกว่า 1,000 ปี จึงทำให้เทือกเขานี้ถูกขนานนามว่า Japan Alps อีกด้วย

การเดินทางต้องใช้รถสาธารณะที่ทางอุทยานจัดไว้ให้ ใช้เวลาเดินทางเป็นวันๆ แต่ไปถึงแล้วคุ้มมาก ครั้งหนึ่งในชีวิตกับการเดินทางที่หาวิวแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ที่ไม่ต้องไปถึงยุโรปก็ได้ไม่แพ้กัน

6. วิวถ่ายคู่กับลิง ที่หุบเขานรก (Nagano)

 ลิงออนเซ็น
       ที่เรียกกันว่าหุบเขานรกก็เพราะว่าบริเวณนี้มีหุบเขาสูงชันและเต็มไปด้วยไอน้ำ ดูเหมือนนรกนั่นเอง แต่จริงๆ แล้วเป็นสถานที่สวยงาม เต็มไปด้วยออนเซ็น และลิงญี่ปุ่นตามธรรมชาติมากมายที่มานั่งแช่ออนเซ็นกันอย่างสบายใจ ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่หาดูได้ยากในประเทศอื่น จึงทำให้บริเวณนี้กลายเป็นจุดท่องเที่ยวจุดหนึงใครๆ ก็นิยมมาเก็บภาพน่ารักๆ เหล่านี้ไว้เป็นที่ระลึกเช่นกัน

5. เสาน้ำแข็ง Misotsuchi no Tsurara (Saitama)

เสาน้ำแข็ง
       เสาน้ำแข็งเหล่านี้เป็นประติมากรรมตามธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นมาจากความหนาวจัดของฤดูหนาว ที่ทำให้น้ำจากน้ำตกที่ไหลย้อยลงมาตามซอกหินแข็งตัวกลายเป็นแท่งน้ำแข็งสวยงามจำนวนมากเหล่านี้ และยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เสาน้ำแข็งเหล่านี้ก็จะยิ่งใหญ่และมองเห็นได้ชัดเจน เป็นอีกหนึ่งแรากฏการณ์งดงามตามธรรมชาติที่ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว

4. แช่ออนเซ็นทามกลางหิมะ ที่ Ginzan Onsen (Yamagata)

Ginzan Onsen
       Ginzan แปลว่าภูเขาเงิน เพราะในอดีตเคยเป็นเหมืองแร่เงิน และยังมีแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติที่ใสราวแก้ว ทำให้คนญี่ปุ่นนิยมใช้เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจมาตั้งแต่โบราณแล้ว รอบๆ บริเวณมีอาคารไม้ที่เก่าแก่ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างทางระหว่างแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ถือว่าเป็นเสน่ห์อันดับหนึ่งของที่นี่เลย โดยอาคารส่วนใหญ่เป็นโรงแรมที่มีบริการให้แช่น้ำแร่ และเป็นร้านอาหารบรรยากาศดี

บริการรถนำเที่ยวญี่ปุ่น

3. นาขั้นบันไดในฤดูหนาวของเมือง Tokamachi ( Niigata)

นาขั้นบันไดในฤดูหนาว
       Tokamachi เป็นเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามอยู่แล้วไม่ว่าจะในฤดูไหน โดยในฤดูหนาวเราจะได้เห็นน้ำในนาขั้นบันไดนี้สะท้อนกับหิมะที่ทับถมอยู่บริเวณรอบๆ พร้อมกับมีละอองหิมะลอยออกมาราวกับหมอกและเมฆ สวยงามสะกดสายตาจนแทบจะลืมหายใจกันเลยทีเดียว

2. ธารน้ำแข็ง (Hokkaido)

ธารน้ำแข็งฮอกไกโด
       ธารน้ำแข็งนี้สามารถเห็นได้ในฤดูหนาวของฮอกไกโด โดยสามารถขึ้นเรือท่องเที่ยวล่องธารน้ำแข็งนี้ได้ โดยเรือจะใช้สว่านขนาดยักษ์ตัดธารน้ำแข็งเหล่านั้นให้พ้นทาง และหากโชคดี ก็อาจจะได้เห็นสัตว์ทะเลอย่างแมวน่้ำที่ลอยตามแผ่นน้ำแข็งที่มาจากฝั่งทะเลตอนเหนือด้วย

1. Diamond Dust (Hokkaido)

Diamon Dust Hokkaido
       Diamond Dust เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่จะเห็นได้เฉพาะในฤดูหนาวของฮอกไกโดเท่านั้น ซึ่งจะเกิดขึ้นในสถานที่ที่มีอุณภูมิต่ำกว่า -15 องศาเซลเซียส โดยไอน้ำในอากาศจะกลายเป็นน้ำแข็งและตกลงมาสู่พื้นดินกระทบกับแสงแดดจนเกิดเป็นเกล็ดหิมะที่ส่องประกายระยิบระยับหรือ Diamond Dust ที่เบาบางระยิบระยับและสวยงามราวกับอัญมณีนี้เอง

5 เหตุผลที่ทำให้ฤดูหนาวเป็นฤดูที่ดีที่สุด ในการมา เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว

เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว

       ถ้าคุณมา เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว หลายคนอาจตื่นเต้นกับหิมะ ที่หาชมไม่ได้ในประเทศทางตอนใต้และใกล้เส้นศูนย์สูตรอย่างเราๆ แต่ถ้าหากคุณอาศัยอยู่ในญี่ปุ่น แล้วนั้นฤดูหนาวในญี่ปุ่นนั้นให้ความรู้สึกเหงาหงอย บรรยากาศสุดว้าเหว่ จากอากาศอันหนาวเหน็บ

ญี่ปุ่นก็ยังเป็นญี่ปุ่นที่มีการพัฒนาในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยี่ การคมนาคม สิ่งประดิษฐ์ รวมไปถึงปรัชญาในคิดทางตะวันออก ที่หลายคนหลงไหลและใฝ่ฝันจะเข้าถึงซึ่งจิตวิญญาณ ของตะวันออก

สำหรับการมาเที่ยวญี่ปุ่นอาจไม่ใช่ในฤดูหนาวก็มีความน่าหลงไหลและน่าสนใจยิ่งนัก นักท่องเที่ยวที่ดีควรมีจุดหมาย หรือเป้าหมายในการท่องเที่ยว คุณอาจวางแผนเที่ยวตามปกติของคุณ แต่การมีเป้าหมายที่ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการนั้น นับเป็นการใช้ชีวิตที่คุ้มค่าในทุกนาที ที่มีลมหายใจเลยหล่ะครับ

 เราขอแนะนำ 5 สิ่งน่าสนใจในการ เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ของคุณที่อาจช่วยให้คุณสลัดความน่าเบื่อหน่ายต่างๆนั้นทิ้งไปได้

2p

 

1. หาข้ออ้างให้ตัวเองไปดื่มสังสรรค์

vg (1)

การจะดื่มเบียร์ซักแก้วที่ญี่ปุ่นนั้นเป็นกิจกรรมปกติที่ ทั้งชายและหญิงต่างนิยมชมชอบ ในทุกฤดูกาล แต่หากเป็นการมา เที่ยวญี่ปุ่นในฤดูหนาว อาจจะไม่ใช่ครั้งแรก หรือเป็นครั้งแรกก็ตาม ควรก็อยากจะใช้เวลาในการสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ บรรยากาศสังสรรค์ สนุกสนานเฮฮา ของผู้คนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวประเทศอื่น

การจะออกมาดื่มหน้าหนาวในญี่ปุ่นนั้นถือเป็นเรื่องที่ควรจะกระทำ เพราะแม้คุณจะอยู่บ้าน หรือเพิ่งกลับจากที่ทำงาน ความร้อนที่ได้จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจจะช่วยบรรเทาความหนาวที่หนาวเหน็บสุดลงได้

แน่นอนการดื่มไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้าดื่มแต่พอประมาณ เราก็จะได้ประโยชน์มากกว่าโทษอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็ทำให้หลับสบายขึ้นละกัน ว่าไหม

เที่ยวญี่ปุ่นแบบส่วนตัว

2. เฝ้าดูเมืองอันแสนวุ่นวายที่กลายเป็นเมืองร้างในการมา เที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว ของคุณ

56601f01a43cd_566017f424960_488611461

หากคุณอาศัยและทำงานในโตเกียว ฤดูหนาวที่แท้จริงเริ่มขึ้นเมื่อคุณสังเกตเห็นความเสมือนจริงของเมือง แน่นอนว่าคุณจะยังได้เห็นผู้คนจำนวนมากมายหลั่งไหลอยู่ในโตเกียวช่วงวันหยุดปีใหม่ แต่หากลองไปขึ้นรถไฟในช่วงเวลาเร่งด่วนตอนแปดโมงเช้าในช่วงวันหยุดยาวปีใหม่สามวันดูซักครั้ง

คุณจะได้รับประสบการณ์ความเงียบสงบแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน นั่นเพราะว่าบริษัทส่วนมากปิดทำการในช่วงเวลาดังกล่าวนั่นเอง สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวญี่ปุ่นในฤดูหนาว และต้องการถ่ายภาพ อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการถ่ายภาพเมืองที่ปกคลุมด้วยหิมะ ไร้คนเดินให้เกะกะในเฟรม และนั่นก็อาจเป็นอีกเหตุผลที่ดีในการที่ญี่ปุ่น ในเมืองโตเกียวในฤดูหนาวครับ

3. ร้านสะดวกซื้อกับบริการ 24 ชั่วโมง

56601f01ebc6c_56601609327f9_1649380796

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมบริการที่รุ่งเรืองมากที่สุดประเทศหนึ่ง จึงไม่แปลกเลยที่แม้แต่ในวันหยุดที่ผู้คนส่วนมากใช้เวลากับครอบครัว อุตสาหกรรมบริการต่างๆก็ยังเปิดให้บริการปกติตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภค ยกตัวอย่างเช่น ร้านสะดวกซื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ร้านรวงส่วนมากปิดให้บริการ ร้านสะดวกซื้อกลายเป็นแหล่งโอเอซิสที่ขาดไม่ได้

ร้านสะดวกซื้อในอีกแง่มุม อาจจะเป็นตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ (Venting Machine) หรือชาวญี่ปุ่นชอบเรียกกันในชื่อ “จุโดฮัมไปกิ” หรือ “จุโดฮัมไบ” คุณสามารถซื้อของได้เกือบทุกชนิดในเครื่องหยอดเหรียญนี้ ไม่ว่าจะเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นม ขนม น้ำ บุหรี่ หรือแม้กระทั่งกาแฟร้อนก็ยังสามารถซื้อได้จากเครื่องนี้ นับว่าสะดวกเอามากๆ แถมเครื่องนี้ยังใช้ต้นทุนน้อย

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มา  เที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวหรือฤดูไหนๆ ก็อาจจะปรากฎเห็นเครื่องดังกล่าวอยู่ตามข้างทาง ตามป้ายรถประจำทาง ที่รกร้าง มากมาย มันทำให้เราเห็นถึงความเจริญของประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก มาเที่ยวญี่ปุ่นกันบ่อยๆนะครับ

4. การตกแต่งตามเทศกาลที่เปลี่ยนไปตามฤดูกาลอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ

56601f0235586_56601cb896292_2046889495

ตั้งแต่ฮาโลวีน คริสต์มาส ปีใหม่ ไปจนถึงวันวาเลนไทน์ พวกเราแทบจะไม่ต้องเปิดปฏิทินดูวันเดือนปีเพื่อให้รู้เลยว่า ตอนนี้เทศกาลไหนกำลังใกล้เข้ามา เพราะไม่ว่าคุณจะเดินออกไปที่ไหนก็ตามก็จะเห็นเครื่องตกแต่งสีสันสวยงามละลานตาในแทบทุกที่

คุณจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของเทศกาลได้ทันที เมื่อหัวฟักทองกลมโต ของเมื่อวานกลายเป็นต้นสนที่ร้อยไปด้วยไฟประดับประดาในวันถัดมา ที่สำคัญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้จะทำให้คุณไม่รู้สีกเจ็บปวดมากหากไม่มีแฟนไปเดทในช่วงคริสมาสต์อีฟ เพราะเพียงพริบตาเดียวเทศกาลปีใหม่ก็จะมาถึงโดยไม่รู้ตัว

เทศกาลของญี่ปุ่นนั้นมีเยอะมากๆ ทั้งตามสากลและเทศกาลที่กำหนดดดยท้องถิ่นต่างๆ หรือเป็นวันสำคัญของญี่ปุ่นเอง แน่นอนว่าคุณอาจทึ่งในความเร็วในการทำงานแล้ว คุณยังรู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาในการที่จะออกมาเจออะไรใหม่ๆ ในทุกๆวันที่มาเยือนที่นี่ ญี่ปุ่นแห่งนี้

5. เริ่มต้นปีใหม่ด้วยเสียงหัวเราะ

56601f02886bc_56601ea9ab2c9_992469516

ที่ญี่ปุ่นมีรายการบันเทิง และรายการวาไรตี้มากมายออกอากาศช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ โดยส่วนมากจะออกอากาศยาวไปจนถึงสิ้นเดือนมกราคม รายการส่วนใหญ่จะเชิญดาราตลกมาโชว์ ราคุโกะ (การเล่าเรื่องตลกขบขัน) หรือ มันไซ (บทสนทนาตลกขบขันระหว่างคนสองคน)

ซึ่งมุกตลกแบบญี่ปุ่นค่อนข้างเข้าใจยากอยู่สักหน่อยเพราะส่วนมากเล่นกับเรื่องชีวิตประจำวัน ถึงแม้จะเข้าใจภาษาญี่ปุ่นแต่ก็อาจจะไม่เข้าใจความแตกต่างของวัฒนธรรม ซึ่งอาจต้องอาศัยเวลาและการคลุกคลีของแต่คนกันไป

อย่างไรก็ตามรอยยิ้มและเสียงหัวเราะถือเป็นวัคซีนที่ดีที่สุดที่จะทำให้เราสามารถใช้ชีวิตในปีต่อไปได้อย่างเข้มแข็งในปีใหม่ และวันใหม่ที่กำลังจะมาถึง

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง “Your Name” หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง - Your Name

       ภาพยนตร์อนิเมชั่นของญี่ปุ่นนั้นถือว่ามีความน่าสนใจเเละได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น เเต่สำหรับต่างประเทศเเล้วคงจะมีภาพยนตร์อนิเมชั่นไม่กี่เรื่องเท่านั้น ที่จะได้รับความยอมรับเเละนิยม เเต่ไม่ใช่สำหรับ Your Name หรือ Kimi no Na wa ที่ได้รับกระเเสตอบรับที่ดีอย่างมากในเมืองไทย วันนี้เรามาแนะนำสถานที่ เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง กันครับ

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง

หนังเรื่องนี้ทำไมจึงเป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น ก็คงเป็นเพราะทั้งพลอตเรื่องที่น่าติดตามเเละภาพที่เเสนจะสวยงามเหมือนจริง รวมทั้งสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่องนั้นก็มีหลายสถานที่ที่มีอยู่จริง อย่างร้านอาหารที่พระเอกของเรามาทำงานพิเศษที่มีชื่อว่า Cafe La Boh’me ก็เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่น่าเเวะมาย้อนรอยดู

1.Cafe La Boh’me

Cafe Boheme

       Cafe La Boh’me นั้นเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ตั้งอยู่ในอาคาร Cosmo Shinjuku Gyoen ซึ่งจริงๆ เเล้วร้านเเห่งนี้มาสาขามากมายหลายสาขาเลยทีเดียว เเละที่ร้านสาขานี้ก็นับว่าได้รับความนิยมจากบรรดาลูกค้าอย่างมาก จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ในภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ ซึ่งความนิยมของร้านนี้ก็เพราะว่ามีราคาของอาหารที่ไม่ได้เเพงมากนักเมื่อเทียบกับร้านอาหารอิตาเลี่ยนอื่นๆ ในโตเกียว
       โดยสำหรับ Cafe La Boh’me นั้นมีจำนวนสองชั้นด้วยกัน เเต่จะมีส่วนชั้นสองสำหรับเเขกพิเศษเท่านั้น เเละพื้นที่จะเป็นเเบบห้องโถงโล่ง มีจำนวนที่นั่งทั้งหมด 99 ที่นั่ง เเบ่งเป็นโต๊ะอาหารเเละมีบาร์อีกด้วย พื้นโดดเด่นด้วยลายกระเบื้อสีขาวดำ ซึ่งไปปรากฏในภาพยนตร์อีกด้วย เเละโต๊ะเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้ทั้งหมด โดยเปิดให้บริการตั้งเเต่เวลา 11.30 น. ถึง 24.00 น. โดยอาหารมื้อกลางวันจะบริการตั้งเเต่เวลา 11.30 น. ถึง 14.00 น. เท่านั้น โดยจะเปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด เเละในร้านนั้นห้ามสูบบุหรี่อีกด้วย

Cafe Boheme Real
       โดยในภาพยนตร์นั้นร้าน Cafe La Boh’me จะกลายเป็นร้านอาหารที่มีชื่อว่า Il Giardino Delle Parole ซึ่งเป็นภาษาอิตาเลี่ยนที่ ทากิ จะมาทำงานพิเศษเป็นบริกรทุกวันหลังจากเลิกเรียนเเล้ว เเละที่นี่เป็นที่ที่เขาจะได้พบกับรุ่นพี่มากิ ซึ่งในช่วงเเรกนั้นก็จะแอบชอบกันอยู่ เเละมีฉากปวดหัวเมื่อมิตสึฮะในร่างทากิต้องมาทำงานพิเศษที่นี่อีกด้วย ถือว่าเป็นฉากที่ปรากฏในภาพยนตร์ยาวนานเหมือนกัน เเละออกหลายครั้งเลยทีเดียว ทำให้มันเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่มีเเฟนๆ ของ Your Name ไปย้อนรอยกันอย่างมาก เพราะว่าเดินทางสะดวกเเละเข้าถึงได้ง่ายกว่าสถานที่อื่นๆ ที่ปรากฏในภาพยนตร์ อีกทั้งรสชาดของอาหารอิตาเลี่ยนร้านนี้ก็ยังขึ้นชื่ออย่างมากอีกด้วย
       สำหรับการเดินทางมา เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ ร้าน Cafe La Boh’me นั้นก็ให้คุณใช้บริการของรถไฟ โดยมาลงที่สถานีรถไฟ Shinjuku จากนั้นให้เดินมาทาง Cosmo Shinjuku Gyoen Bldg ร้านจะอยู่ที่หัวมุมอาคารเลยรับรองว่าหาง่ายอย่างมาก

วางโปรแกรมท่องเที่ยวฟรี

2.เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ Aogashima Island

Aogashima Island

       สำหรับ Aogashima นั้นเป็นเกาะกลางทะเลที่ตั้งอยู่ในหมู่เกาะอิซุ เเละเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อยู่ในอุทยานเเห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเน่-อิซุ อีกด้วย โดยมันเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟใต้ทะเลทำให้ปลายของปากปล่องภูเขาไฟนั้นเกิดเป็นเหาะเเห่งนี้ขึ้นมา ซึ่งนับว่าเป็นเกาะที่มีความสวยงามเเปลกตาอย่างมากเลยทีเดียว ถึงว่าจะเดินทางเข้าถึงยากก็ตามที เเละไม่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยสนใจมาชมความสวยงามของเกาะเเห่งนี้มากเท่าใดนักก็ตาม แต่การ เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่มีกระแสที่แรงก็อาจมีคนสนใจมาเที่ยวที่เกาะนี้กันครับ จึงแนะนำการเดินทาวและข้อมูลไว้ เผื่อเป็นประโยชน์ครับ
       เกาะโอกะชิม่า อยู่ในเขตการปกครองของโตเกียว โดยอยู่ห่างออกไปในทะเลเป็นระยะทางถึง 358 กิดลเมตรจากทางใต้ของโตเกียว เกาะมีความยาว 3.5 กิโลเมตร เเละมีความกว้าง 2.5 กิโลเมตร โดยจะมีสันขอบสองวงด้วยกัน คือสันขอบนอกที่เป็นขอบของเกาะที่สูงอย่างมากเเละเป็นสิ่งกีดขวางการเดินทาง ส่วนสันขอบด้านนั้นจะอยู่ใจกลางของเกาะ โดยเกาะเเห่งนี้มีคนอาศัยอยู่มาตั้งเเต่สมัยเอโดะเเล้ว โดยในปี ค.ศ.2014 มีการสำรวจประชากรบนเกาะเเห่งนี้พบว่ามีผู้อาศัยอยู่ทั้งสิ้น 170 คนด้วยกัน
       สำหรับเกาะ Aogashima นั้นปรากฏในภาพยนตร์โดยมีการสมมุติให้พื้นที่นั้นอยู่ติดกับเมืองอิโตโมริของ มิตสึฮะ เเละเป็นสถานที่ที่คุณยาย มิตสึฮะ เเละน้องสาวของเธอเดินทางมาทำความเคารพเทพเจ้า รวมทั้งมันปรากฏอีกครั้งในแรกที่ ทากิ เดินทางมาเพื่อหาวิธีย้อนเวลากลับไปช่วย มิตสึฮะ เเละทั้งคู่ก็ได้พบกันที่นี่เป็นครั้งเเรก ทำให้หลายๆ คนที่ชมภาพยนตร์นั้นมีความประทับใจในสถานที่เเห่งนี้มาก เเต่สำหรับสถานที่จริงๆ เเล้วมันเเตกต่างอย่างมากตรงที่ไม่ได้เดินทางกันไปถึงได้ง่ายๆ เลย

Aogashima Island_Real
       สำหรับการเดินทาง เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง และมายัง เกาะโอกะชิม่า สำหรับใครที่อยากจะเดินทางมาที่นี่นั้นขอบอกว่าต้องอาศัยใจล้วนๆ เเละมีวิธีการเดินทางที่ค่อนข้างยุ่งยาก โดยวิธีการที่ดีที่สุดนั้นให้คุณขึ้นเครื่องบินของสายการบิน ANA จากสนามบินฮาเนดะมาลงที่เกาะฮาชิโจจิมะ โดยเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเกาะโอกะชิม่ามากนัก โดยเสียค่าเดินทางประมาณ 11,000 เยน เเละใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 55 นาทีต่อจากนั้นเเล้วก็ให้คุณใช้บริการของ Toho Air Service ซึ่งเป็นเฮอร์ริคอปเตอร์จำนวน 9 ที่นั่งจาก เกาะฮาชิโจจิมะ มายังเกาะโอกะชิม่า โดยเสียค่าโดยสาร 11,210 เยนเเละใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 20 นาที หรือไม่เช่นนั้นคุณสามารถเลือกนั่งเรือ Tokai Kisen โดยเสียค่าโดยสาร 2,790 เยน เเต่ใช้เวลาในการเดินทาง 2.30 ชั่วโมง นอกจากนี้เเล้วบนเกาะยังมีที่พักให้คุณได้ค้างคืนกันอีกด้วย โดยค่าที่พักรวมอาหาร 3 มื้อจะอยู่ที่ 7,500 เยน ถึง 9,000 เยน

3. NTT DOCOMO YOYOGI BUILDING

NTT Docomo Yoyoki

       สำหรับภาพยนตร์อนิเมชั่นญี่ปุ่นเรื่องดังอย่าง Your Name หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Kimi no Na wa ที่เปิดตัวเเรงทั้งในญี่ปุ่นเเละต่างประเทศ ซึ่งในญี่ปุ่นนั้นก็กวาดรายได้ไปมากกว่าหมื่นล้านเยนเข้าไปเเล้ว ส่วนในประเทศไทยนั้นก็ถือว่ากระเเสโดดเด่นอย่างมาก เเละในภาพยนตร์อนิเมนชั่นเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าได้รับคำชมอย่างมากในเรื่องของความสมจริง เเละสถานที่ที่มีอยู่จริงๆ อย่าง ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งภาพที่ผู้ชมจะได้พบเห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเราจะมาทำความรู้จักกับสถานที่เเห่งนี้กัน
       ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ หรือ NTT DOCOMO YOYOGI BUILDING นั้นตั้งอยู่ในเขตชิบูย่าของมหานครโตเกียว ซึ่งเเน่นอนว่ามันสูงเด่นเป็นสง่าเเละสามารถเห็นได้เเต่ไกล โดยโครงสร้างสถาปัตยกรรมของมันนั้นจะมีความคล้ายคลึงกับตึก Empire State เป็นอย่างมาก โดยมันเป็นของบริษัท NTT Docomo ซึ่งเป็นค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของเเดนปลาดิบ โดยที่ปลายบอดอาคารนั้นจะมีการติดตั้งอุปกรณ์ในการส่งคลื่นความถี่เพื่อบริการเครือข่ายมือถือไร้สายของบริษัทอีกด้วย
       สำหรับการได้มา เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ นั้นเป็นอะไรที่ง่ายและสะดวก ตึกมีความสูงถึง 240 เมตร โดยมันเป็นอาคารที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 3 ของกรุงโตเกียว มีทั้งหมด 30 ชั้น โดยอยู่เหนือพื้นดินจำนวน 27 ชั้น อีก 3 ชั้นจะอยู่ใต้ดิน เเต่ที่สร้างความโดดเด่นเเละเเตกต่างได้เป็นอย่างมากก็คือมีการติดตั้งนาฬิกาบอกเวลาขนาดใหญ่ไว้ในส่วนของชั้นบนๆ ของตัวอาคารอีกด้วย ทำให้อาคารเเห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นหอนาฬิกาที่มีความสูงมากที่สุดในโลกอีกด้วย ทำให้ไม่ว่าคุณจะเดินอยู่ย่านไหนของชิบูย่าเเค่เเหงนหน้ามองไปที่อาคารเเค่นี้ก็จะสามารถทราบเวลาของได้เเล้ว โดยนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในย่านชิบูย่าอาจจะไม่ค่อยสนใจอาคารนี้มากเท่าใดนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา เเต่หลังจากที่ภาพยนตร์ Your Name เข้าฉายในประเทศไทยเเล้วรับรองได้เลยว่าจะต้องมีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอย่างมากมายเเน่นอน

NTT Docomo Building
       โดยในภาพยนตร์นั้น NTT DOCOMO YOYOGI BUILDING จะปรากฏในหลายๆ ฉากด้วยกันที่มีการกล่าวถึงโตเกียว เเต่ฉากที่น่าจะสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดีน่าจะเป็นฉากเปิดตัวของเรื่องนี้เเละอีกครั้งก็ในฉากท้ายๆ เรื่องเเล้ว โดยมันสามารถสื่อถึงความเจริญของโตเกียวที่ ทากิ พระเอกของเรื่องอาศัยอยู่ได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นฉากเเละสถานที่ที่ไม่ควรจะพลาดเเวะมาเที่ยวชมหากคุณอยากจะตามรอย Your Name
       ส่วนสถานที่ตั้งของ ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ นั้นก็ตั้งอยู่ที่บริเวณ Minamimotomachi ในเขต Shinjuku ward ซึ่งคุณสามารถใช้บริการของรถไฟมาลงที่สถานี Shinanomachi station จากนั้นก็เดินต่ออีกเพียงเเค่นาทีเดียวก็ถึงเเล้ว เเต่สำหรับการถ่ายภาพควรอยู่บริเวณรอบๆ จะสามารถเห็นตัวอาคารได้อย่างชัดเจน

4. เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ LAKE SUWA

Lake Suwa

       สำหรับภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องดังจากเเดนปลาดิบอย่าง Your Name หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า Kimi no Na wa ที่กำลังโกยรายได้จากเเฟนหนังชาวไทยอยู่นั้น ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของอนิเมชั่นที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยสำหรับในเมืองไทย อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก ก็มีการอธิบายไปต่างๆ นานา เเต่สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนยอมรับก็คือการเสมือนจริงของฉากต่างๆ อย่างมาก เเละหนึ่งในฉากไฮไลท์ซึ่งเป็นสถานที่จริงก็คือ ทะเลสาบซูวะ ซึ่งเป็นทะเลสาบใจกลางเมืองที่นางเอกของเรื่องอาศัยอยู่นั่นเอง
       LAKE SUWA ตั้งอยู่ในภูเขาคิโซ ใน Suwa City Kohan Park ใจกลางจังหวัดนากาโนะ ถือว่าเป็นทะเลสาบที่เกิดมาจากปล่องภูเขาไฟเดิม เเละเเวดล้อมไปด้วยที่อยู่อาศัยของชาวเมืองจำนวนมากมานเหมือนๆ กับฉากในภาพยนตร์เลยทีเดียว ทำให้มีทิวทัศน์ที่สวยงามเเละน่ามาสัมผัสกับความงดงามของธรรมชาติเลยทีเดียว
       สำหรับ ทะเลสาบซูวะ นั้นมีความยาวกว่าง 15.9 กิโลเมตร เเละมีความลึกเฉลี่ยอยู่ที่ 4.7 เมตร โดยส่วนที่ลึกที่สุดนั้นจะลึกถึง 7.2 เมตรเลยทีเดียว เป็นเเห่งของสัตว์น้ำหลายชนิดด้วยกัน เเละพื้นผิวน้ำมีความใสสะอาดอย่างมากจึงเป็นอีกหนึ่งในทะเลสาบที่มีความสวยงามของญี่ปุ่น เเต่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของบรรดานักท่องเที่ยวชาวไทยมากนัก เเต่หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Your Name เข้ามาฉายเเล้วคาดว่าที่นี่จะได้รับความสนใจอย่างมากจากบรรดานักท่องเที่ยวที่จะไปเที่ยวชมความสวยงามของวิวทิวทัศน์ โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวเเวดล้อมอยู่หลายเเห่งด้วยกันทั้งศาลเจ้าซูวะ ปราสาททาคาชิม่า หรือเเม้เเต่บรรดาออนเซ็นต่างๆ ก็มีไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ Lake Suwa
       ฉากของ LAKE SUWA นั้นถูกสมมุติให้เป็นทะเลสาบใจกลางเมืองอิโตโมริที่ มิตสึฮะ อาศัยอยู่ เเละเป็นภาพถ่ายที่ทากิเห็นที่หอศิลป์โตเกียว ตอนที่ไปเดทกับรุ่นพี่มากิ รวมทั้งเป็นภาพเเรกๆ ที่ทากิวาดจากควาทรงจำเมื่อสลับไปอยู่ในร่างของมิตสึฮะ โดยบรรยากาศในอนิเมชั่นนั้นจะมีความเป็นชนบทมากกว่าสภาพความเป็นจริง เเต่ดูเเล้วก็มีความคล้ายคลึงกันอย่างมากเลยทีเดียว อีกทั้งที่บริเวณทะเลสาบเเห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องของเทศกาลดอกไม้ไฟ ซึ่งจะจัดในช่วงฤดูร้อนอย่างมาก
       ส่วนการเดินทางมาเที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง และมายัง ทะเลสาบซูวะ นั้นให้คุณใช้เส้นทางในการเดินทางมายังจังหวัดนากาโนะ โดยสามารถใช้บริการของรถไฟของเจอาร์ โดยให้คุณมาลงที่สถานี JR Kamisuwa Station จากนั้นเดินต่ออกมาเพียงเเค่ 5 นาทีก็จะเห็นความงดงามของทะเลสาบเเห่งนี้เเล้ว นับว่าเป็นอีกสถานที่ที่น่ามาตามรอย Your Name อย่างมาก

บริการรถนำเที่ยวญี่ปุ่น

5. RING OF TRAFFIC LIGHTS IN SHINJUKU

RING OF TRAFFIC LIGHTS IN SHINJUKU

       เเน่นอนเลยว่าหลายๆ คนที่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมจากญี่ปุ่นอย่าง Kimi no Na wa หรือ Your Name เเล้วต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามีความประทับใจเป็นอย่างมากกับภาพสถานที่ต่างๆ ที่มีความสวยงามเเละเหมือนจริงเป็นอย่างยิ่ง เเต่คงจะมีไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าหลายๆฉากที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นเป็นสถานที่ที่มีอยู่ในหลายต่อหลายเเห่งด้วยกันอย่างที่ วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่หลายๆ คนต่างประทับใจเเละไม่คิดว่ามันจะมีอยู่จริง
       สำหรับ วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ หรือ Ring of Traffic Lights in Shinjuku นั้นตั้งอยู่ในเขตชินจูกุ ที่ได้ชื่อว่ามีการจราจรที่พลุกพล่านอีกเเห่งของโลก เเละมันถูกดีไซน์ออกมาเพื่อเเสดงให้เห็นถึงความคิดเชิงวิศวกรรมเเละงานทางด้านดีไซน์ที่มีความลงตัว สร้างจุดดึงดูดสายตาให้เป็นที่กล่าวถึงได้ตั้งเเต่เริ่มใช้งานเเล้ว เเม้ว่าหารใช้งานของมันนั้นจะเป็นเพียงสัญญาณไฟจราจรปกติธรรมดาเเละป้ายบอกทางธรรมดาก็ตาม

RING OF TRAFFIC LIGHTS IN SHINJUKU
       วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ นั้นมีการดีไซน์ที่นำเอาสัญญาณไฟจราจรเเละบรรดาป้ายบอกทางมารวมกันไว้เป็นหนึ่งเดียว โดยมีการดีไซน์ออกมาเป็นวงเเหวนขนาดใหญ่ที่วางทับบนสี่เเยกที่มีการจราจรพลุกพล่านเเละมีจุดตัดทั้งจากถนนที่รถยนต์สัญจรเเละทางเดินเท้า โดยมันมีลักษณะเป็นโลหะสีเงินที่เเสดงถึงความล้ำสมัยเเละมีสัญญาณไฟติดเอาไว้ในเเต่ละเส้นทางพร้อมป้ายบอกเส้นทางในเเต่ละช่องทางอีกด้วย ทำให้เกิดเป็นภาพที่มีความทันสมัยเป็นอย่างยิ่ง เเละดูตื่นตาตื่นใจอย่างมากเมื่อได้มาพบเห็น เเต่น่าเสียดายที่นักท่องเที่ยวชาวไทยไม่ค่อยมีใครสนใจเเวะมาเที่ยวชมมากนักจนมันมาปรากฏในภาพยนตร์ Your Name
       ฉากของ วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ นั้นปรากฏในภาพยนตร์ตั้งเเต่ตอนต้นของเรื่องเพื่อเเสดงถึงความทันสมัยของมหานครโตเกียวที่ ทากิ พระเอกของเรื่องอาศัยอยู่ คู่กับตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ ถึงเเม้ว่าจะมีฉากที่เกี่ยวข้องกับตัวละครเเต่ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับคนที่ได้ชมอย่างมากจากความที่เหมือนจริง เเละสร้างความสนใจให้กับผู้ชมชาวไทยที่ต้องการไปชมให้เห็นกับตาว่าเจ้าวงแหวนไฟจราจรของจริงนั้นเป็นอย่างไรกันเเน่
ส่วนการเดินทางมายัง วงแหวนไฟจราจรชินจูกุ ที่ตั้งอยู่ใน Nishi-shinjuku บริเวณ Shinjuku ward นั้นมีสองทางเลือกให้กับคุณด้วยกันคือคุณสามารถใช้บริการของรถไฟมาลงยังสถานี Shinjuku station เเล้วเดินต่ออกมาอีกเพียง 10 นาทีก็จะถึงเเล้ว หรืออีกช่องทางคือหากใครลงที่สถานี Nishi-shinjuku station ก็ใช้เวลาในการเดินต่อมาอีกเพียงเเค่ 3 นาทีก็จะถึงเเล้ว ซึ่งจะใช้เวลาน้อยกว่าเดินมาจากสถานี Shinjuku station

6. เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ที่ SUGA SHRINESuga Shrine

     ในชั่วโมงนี้คงจะไม่มีภาพยนตร์อนิเมชั่นสัญชาติญี่ปุ่นเรื่องไหนที่จะโด่งดังไปกว่า Your Name หลับตาฝัน   ถึงชื่อเธอ หรือชื่อเรื่องในภาษาญี่ปุ่นว่า Kimi no Na wa อีกเเล้ว เพราะจากกระเเสการวิจารณ์ที่มีเเต่ด้านบวกมากๆ ทั้งในญี่ปุ่นเเละไทยทำให้ยอดรายได้สะสมเเค่ในญี่ปุ่นก็ปาไปมากกว่าหมื่นล้านเยน ส่วนในประเทศไทยนั้นก็เรียกว่าเป็นกระเเสหลักเลยทีเดียว ถึงขนาดที่หลายๆโรงภาพยนตร์ต้องเปลี่ยนโปรเเกรมฉายกระทันหันมาฉายภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้เเทนเลยทีเดียว เเละอีกหนึ่งจุดเด่นของภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ก็คือสถานที่ซึ่งปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่องนั้นมีหลายสถานที่ที่มีอยู่จริงอย่างเช่น ศาลเจ้าซูกา ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ใครได้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เเล้วต่างก็ต้องประทับใจกับซีนนี้อย่างเเน่นอน
       ศาลเจ้าซูกา นั้นตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว เป็นศาลเจ้าที่มีความเก่าเเก่มากกว่า 600 ปีเข้าไปเเล้วสร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าอย่าง Gozu Tenno ซึ่งเป็นเทพเจ้าเเห่งสายฟ้าตามคติความเชื่อของชาวญี่ปุ่น อีกทั้งศาลเจ้าเเห่งนี้ยังมีการจัดเทศกาลเป็นประจำทุกปีอีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งในศาลเจ้าที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับรองๆ ลงมาของโตเกียว เเต่นักท่องเที่ยวชาวไทยอาจจะไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก โดยส่วนใหญ่จะมุ่งหน้าไปที่ศาลเจ้าอาซากุสะกันมากกว่า
ภายในของ ศาลเจ้าซูกา นั้นมีอาคารไม้โบราณที่มีความสวยงามเเละเก่าเเก่อย่างมาก รวมทั้งมีประติมากรรมของเทพเจ้า Gozu Tenno อีกด้วย โดยทั้งอาคารเเละประติมากรรมต่างๆ ที่อยู่ในศาลเจ้านั้นมีความเก่าเเก่เเละสวยงาม เหมาะกับการมาเที่ยวชมความสวยงามของงานสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง เเต่จุดที่เเฟนๆ Your Name น่าจะสนใจมากกว่าน่าจะเป็นบันไดทางขึ้นลงอีกทางหนึ่งที่กลายมาเป็นหนึ่งในฉากที่สำคัญที่สุดของภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้

เที่ยวญี่ปุ่น ที่ Suga Shrine
       สำหรับซีนที่ปรากฏ บันไดของศาลเจ้าซูกา นั้นจะปรากฏในช่วงท้ายของเนื้อเรื่อง เเละเป็นซีนที่ได้รับการโปรโมทออกมาเป็นภาพโปสเตอร์อีกด้วย เเต่จะมีความเเตกต่างอย่างไรนั้นต้องไปติดตามชมในภาพยนตร์กันเอาเอง โดยมีความเเตกต่างเล็กน้อยเกี่ยวกับฉากเบื้อกลังของบันไดในภาพยนตร์เเละของจริงที่จะมีอาคารตั้งอยู่ริมบันได้หนาตากว่าในภาพยนตร์ เเต่ราวเหล็กสีเเดงนั้นเหมือนกันอย่างมาก
       สำหรับใครที่สนใจจะมาตามรอย Your Name ที่ ศาลเจ้าซูกา นั้นก็เรียกว่าเดินทางมาได้อย่างสะดวกมากๆ โดยให้คุณลงรถไฟที่สถานี Shinanomachi station จากนั้นเดินต่ออีกเพียง 10 นาทีก็จะถึงเเล้ว โดยสังเกตมาสถานที่รอบสถานี Shinanomachi station นั้นมีหลายจุดที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้

7. HIDA-SANNOGU HIE SHRINE

Hida-Sannoku Shrine - Your Name

       หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Your Name หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในญี่ปุ่นเเละในเมืองไทยนั้น อย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับเลยก็คือว่าการผูกเรื่องราวให้กับประเพณีโบราณของญี่ปุ่นเเละวิทยาศาสตร์อย่างเเนบเนียน รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏในอนิเมชั่นนั้นก็มีอยู่จริงหลายเเห่งด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือ ศาลเจ้าฮิดะ-ซันโนะกุ ฮิเอะ จินจา ซึ่งปรากฏออกมาสร้างความสวยงามเเละเป็นหนึ่งในผมของเรื่องราวทั้งหมด
       HIDA-SANNOGU HIE SHRINE นั้นเป็นศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองทาคายามะ ในจังกวัดกิฟุ เป็นศาลเจ้าโบราณที่ก่อสร้างมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1141 เเละมีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของเทศกาลที่จะจัดเป็นประจำทุกปี โดยมันได้เป็นเเรงบันดาลใจของให้ในส่วนของศาลเจ้าประจำตระกูลของมิตสึฮะ เเละเทศกาลประจำปีก่อนที่สะเก็ดดาวหางจะตกลงมาที่เมือง
       ศาลเจ้าฮิดะ-ซันโนะกุ ฮิเอะ จินจา นั้นมีความเก่าเเก่เเละมีชื่อเสียงในเรื่องของการให้คนในครอบครัวปลอดภัย อีกทั้งมันยังมีชื่อเสียงโดดเด่นไปทั่วญี่ปุ่นจากงานเทศกาล Sanno Matsuri ที่จะจัดในช่วงวันที่ 14 เเละ 15 เมษายนของทุกปีอีกด้วย โดยรู้จักกันในชื่อว่า เทศกาลฤดูใบไม้ผลิของทาคายามะ โดยเทศกาลนี้นับว่าเป็นหนึ่งในสามของเทศกาลที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งจะมีเทศกาล Chichibu Matsuri ในไซตามะ เเละเทศกาล Gion Matsuri ในเกียวโต ซึ่งภายในวัดนั้นมีอาคารเก่าเเก่โบราณมากมาย เเละยังเป็นที่เก็บรักษาของดันจิริที่มีความเก่าเเก่อย่างมากเเละจะนำมาเเห่งเป็นประจำทุกปี ส่วนทางด้านของ Karakuri ก็มีชื่อเสียงอย่างมาก เพราะมันเป็นเครื่องกลที่จะทำให้คุณตื่นตะลึงกับการเคลื่อนไหวของมันที่เหมือนมีชีวิตอย่างมาก โดยจะจัดเเสดงในวันที่ 14 เเละ 15 เมษายน วันละครั้งเท่านั้นเอง

Hida-Sannoku Shrine
       HIDA-SANNOGU HIE SHRINE ปรากฏออกมาในเนื้อเรื่องในฐานะของศาลเจ้าประจำตระกูล Miyamizu ของมิตสึฮะที่มีคุณยายเป็นเจ้าตระกูลอยู่ ซึ่งตามเนื้อเรื่องเเล้วนั้นทั้ง มิตสึฮะเเละน้องสาวของเธอก็มีฐานะเป็นมิโกะ ซึ่งก็คือหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในศาลเจ้าโดยมีหน้าที่ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้า ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีอยู่เเละจะสืบทอดกันโดยสาบดลหินเท่านั้น
       สำหรับการเดินทางมายัง ศาลเจ้าฮิดะ-ซันโนะกุ ฮิเอะ จินจา นั้นคุณสามารถใช้บริการของรถไฟเจอาร์ โดยมาลงที่สถานี JR Takayama จากนั้นก็เดินเท้าต่อไปอีก 25 นาทีจากตัวสถานีรถไฟก็จะถึงศาลเจ้าเเห่งนี้เเล้ว นับว่าเดินทางไม่ได้ยากอะไรมากมายและหลังจากถึงทางเข้าศาลเจ้าแล้วอาจจะต้องเดินขึ้นบันไดอีกเป็นร้อยชั้นเพื่อเข้าสู่ตัวศาลเจ้าที่อยู่ด้านบน

       Your Name,หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ, Kimi no Na wa, HIDA-SANNOGU HIE SHRINE, ศาลเจ้าฮิดะ-ซันโนะกุ ฮิเอะ จินจา

8. HIDA-FURUKAWA STATION

Furukawa Station - Your Name

       กระเเสความเเรงของภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อดังจากเเดนปลาดิบอย่าง Your Name หรือชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า Kimi no Na wa ส่วนชื่อในภาษาไทยคือ หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ ต้องบอกว่ามาเเรงอย่างมากในวินาทีนี้เเละสร้างกระเเสการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาได้อย่างร้อนเเรงเลยทีเดียว โดยมีบริษัททัวร์บางบริษัทในเมืองไทยได้จัดเเพ็กเกจทัวร์ไปยังสถานที่ซึ่งปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้กันเเล้ว โดยอย่างที่ สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่ามาตามรอยอย่างมากเลยทีเดียว
       โดย HIDA-FURUKAWA STATION นั้นเป็นหนึ่งใน 6 สถานีรถไฟของ JR Central ที่อยู่ในเมืองฮิดะ จังหวัดกิฟุ ซึ่งต้องบอกเลยว่ารูปเเบบของสถานีรถไฟเเห่งนี้ก็ไม่ต่างกับสถานีรถไฟชานเมืองของญี่ปุ่นเท่าใดนัก ออกจะมีขนาดที่เล็กเสียด้วยซ้ำ เเต่ก็ได้กลายมาเป็นหนึ่งในโลเคชั่นที่ตราตรึงใจผู้ที่ได้เข้าชมภาพยนตร์เรื่องนี้กันอย่างมาก เเละมีหลายๆ คนที่ถือโอกาสไปเยือนสถานีรถไฟเเห่งนี้
       สำหรับ สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ ตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟฮิดะ-โกคุฟุ เเละสถานีรถไฟซุกิซากะ บนเส้นทางรถไฟสาย Takayama Main Line โดยที่ตัวสถานีนั้นเป็นอาคารชั้นเดียวยกสูงสีขาว ที่มีความเก่าเเก่เพราะเปิดมาตั้งเเต่ปี ค.ศ.1934 ส่วนบริเวณชานชลานั้นก็จะมีสะพานข้ามทางรถไฟสีขาวที่มีลักษณะเหมือนกับสถานีรถไฟทั่วไปในญี่ปุ่น เเต่กลับมีความสวยงามคลาสสิกไปอีกเเบบ ด้วยบรรยากาศของเมืองที่ออกเเนวชนบทหน่อยของญี่ปุ่น ก็ทำให้มันน่ามาสัมผัสเพื่อตามรอย Your Name ซักครั้ง

เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่น Furukawa Station
       โดยฉากของ HIDA-FURUKAWA STATION นั้นปรากฏออกมาเมื่อช่วงที่ ทากิ ออกตามหาเมืองที่ มิตสึฮะ อาศัยอยู่ จากความทรงจำที่ตัวเองเขียนเป็นภาพต่างๆ โดยเขาเดินทางมายังที่นี่พร้อมกับรุ่นพี่มากิเเละเพื่อนอีกคน ก่อนที่จะเเวะถามทางกับนายสถานีรถไฟที่นี่ เเต่กลับไม่ค่อยได้เรื่องเท่าใดนัก ก่อนที่ทั้งหมดจะไปเเวะกินราเมง เเละที่ร้านรางเมงนั่นเองที่ทำให้เขาได้รู้ความจริงอะไรบางอย่าง ซึ่งในภาพยนตร์นั้นจะฉายให้เห็นถึงภายในตัวสถานีได้ที่มีความคลาสสิกเเละมีมาสคอตประจำเมืองมาเล่นกับรุ่นพี่มากิ
       สำหรับการเดินทางมายัง สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ ในจังหวัดกิฟุ นั้นเเน่นอนว่าวิธีการที่ง่ายที่สุดสำหรับคุณที่อยากจะสวมวิญญาณทากิเพื่อตามหา มิตสึฮะ เเล้วล่ะก็ก็คือการใช้บริการของรถไฟเจอาร์จากสถานีรถไฟโตเกียว โดยใช้เส้นทางของขบวน Takayama Main Line โดยให้คุณมาลงที่ สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ เลย ซึ่งจะใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมด 4 ชั่วโมงด้วยกัน เเต่สำหรับใครที่อยากจะชิลกว่านั้นก็สามารถใช้บริการของรถบัสจากหน้าสถานีชินจูกุ มาถึงที่นี่ได้เช่นกัน เเต่ใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงเลยทีเดียว

Your Name,หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ, Kimi no Na wa, HIDA-FURUKAWA STATION, สถานีรถไฟฮิดะ-ฟูรุคาวะ

9. CROSSING BRIDGE SHINANO-MACHI

Shinano Machi - Your Name

       กระเเสความเเรงของภาพยนตร์อนิเมชั่นจากญี่ปุ่นเรื่อง Your Name หรือชื่อไทยว่า หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ ส่วนในภาษาญี่ปุ่นนั้นเรียกว่า Kimi no Na wa คงจะทำให้หลายๆ คนที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เเล้วเกิดสนใจ เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง และสถานที่ต่างๆ ที่ปรากฏในเรื่องนี้ไม่มากก็น้อย เเละในอนาคตคงจะมีรายการทัวร์ตามรอบภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างนอน โดยคราวนี้เราจะมาดูสถานที่ซึ่งเป็นฉากสำคัญอีกฉากในเรื่องนี้ ซึ่งก็คือ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi ซึ่งนับว่าเป็นอีกสถานที่ที่มีอยู่จริง เเละกลายไปเป็นฉากในอนิเมชั่นเรื่องนี้
       โดย สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi นั้นก็เป็นสะพานลอยที่ใช้สำคัญการสัญจรข้ามเส้นทางรถไฟนั่นเอง โดยในญี่ปุ่นนั้นมีสะพานเเบบนี้อยู่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว ซึ่งสะพานส่วนใหญ่นั้นจะสร้างมาจากเหล็ก ทำให้มีความคงทนสูง เเต่บริเวณพื้นที่ที่เป็นทางเดินนั้นจะมีขนาดกว้างกว่าสะพานลอยในบ้านเราอย่างมาก ยิ่งเป็นเส้นทางที่มีผู้ใช้จำนวนมากเเล้วขนาดของสะพานก็จะใหญ่ตามไปด้วย
       ที่ตั้งของ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi นั้นอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ Shinanomachi มากนัก โดยฉากในภาพยนตร์กับสถานที่จริงนั้นก็จะมีความเเตกต่างกันออกไปบ้างเล็กน้อย อย่างในส่วนของพื้นนั้นในภาพยนตร์จะเป็นพื้นกระเบื้องเเละปูนขัด เเต่สำหรับในสถานที่จริงเเล้วจะปูด้วยผ้ายางสีเขียวเป็นต้น ส่วนฉากหลังนั้นในภาพยนตร์จะเป็นทิวต้นสนไปเลย เเต่สำหรับสถานที่จริงเเล้วจะมีวัดตั้งอยู่เป็นฉากหลังโดยคุณสามารถมองเห็นเจดีย์ของวัดได้อีกด้วย นับว่าเป็นความต่างที่น่าสนใจเเละน่าดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ไปตามรอยพระเอกของเรื่องเป็นอย่างมาก
        โดยที่ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi นั้นจะปรากฏออกมาในภาพยนตร์ช่วงที่ทากิ ไปออกเดทกับรุ่นพี่มิกิ เเล้วก็มาเเยกกันที่สะพานเเห่งนี้ ก่อนที่พระเอกของเราจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหา มิตสึฮะ นางเอกของเรื่อง เเต่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เเละถือว่าเป็นอีกฉากไคลเเม็กของเรื่องเลยก็ว่าได้ ส่วนเหตุผลจะเพราะอะไรเเละอย่างไรนั้นไปชมด้วยตัวเองน่าจะดีที่สุด ซึ่งการเที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง นี้ใช้ฉากสะพานลอยเเบบนี้ทำให้เราสัมผัสถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวโตเกียวได้ดียิ่งขึ้น

ตามรอยอนิเมชั่นสะพานลอย Shinano Machi
       โดยจุดที่ตั้งของ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi นั้นก็อยู่ที่ บริเวณ Minamimotomachi ในเขต Shinjuku ward ซึ่งคุณสามารถใช้บริการของรถไฟมาลงที่สถานี Shinanomachi station จากนั้นก็เดินต่ออีกเพียงเเค่นาทีเดียวก็สามารถมาถึงสะพานเเห่งนี้เเล้วก็ทั้งคุณยังสามารถมองเห็น ตึกเอ็นทีทีโดโคโมโยะโยะงิ ซึ่งเป็นอีกสถานที่ในเรื่องได้อย่างชัดเจน เเละน่าใช้เป็นจุดถ่ายภาพอีกด้วย

Your Name,หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ, Kimi no Na wa, สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi

 เที่ยวทั่วไทยไปไกลทั่วโลก

10. THE NATIONAL ART CENTER, TOKYO

THE NATIONAL ART CENTER - Your Name

       กระเเส เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง ทำให้ภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องเยี่ยมจากเเดนอาทิตย์อุทัยอย่าง Your Name ที่มีชื่อในภาษาไทยว่า หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ นั้นเป็นที่ยอมรับว่ามาเเรงอย่างมากในเมืองไทย เเละหนึ่งในสิ่งที่เป็นที่กล่าวขวัญกันถึงนอกจากความสนุกเเละการผูกเรื่องราวที่มีความน่าสนใจเเล้วก็เห็นจะเป็นในส่วนของฉากต่างๆ ที่มีความสมจริงอย่างมาก เเละมีหลายฉากที่เป็นสถานที่ซึ่งมีอยู่จริง อย่างที่ หอศิลป์โตเกียว ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งในฉากที่เเสดงออกมาได้อย่าสมจริงอย่างมากเลยทีเดียว
       หอศิลป์โตเกียว หรือ THE NATIONAL ART CENTER นั้นตั้งอยู่ในเขตโรปงงิ ซึ่งเป็นย่านที่มีความหรูหราเเละเป็นเเหล่งท่องเที่ยวยามราตรี พร้อมกับเป็นเเหล่งที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติที่มาอาศัยอยู่ในโตเกียว เเละเป็นย่านที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของศิลปะ เพราะเป็นเหมือนเเหล่งรวมงานศิลปะ โดยมีพิพิธภัณฑ์ทางด้านศิลปะอยู่หลายเเห่ง พร้อมกับการเเสดงกลางเเจ้งอีกมากมาย
        ส่วน หอศิลป์โตเกียว นั้นมีขนาด 4 ชั้นด้วยกัน โดยที่ชั้น B1 นั้นจะเป็นโถงกว้างไว้สำหรับจะเเสดงงานศิลปะที่หมุนเวียนมาจัดเเสดง เเละมีร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่อีกด้วย รวมทั้งมีร้านคาเฟ่ ส่วนชั้น 1 นั้นจะเป็นในส่วนของเเกลอรี่ ถึง 4 เเกลอรี่ด้วยกัน เเละพื้นที่จัดเเสดงผลงานศิลปะพิเศษอีกด้วย รวมทั้งพื้นที่จัดเเสดงเเบบเอาท์ดอร์ เเละเป็นทางเข้าหลักก็อยู่ที่ชั้นนี้ ส่วนที่ชั้นที่ 2 นั้นจะมีเเกลอรี่ อีก 4 เเกลอรี่ เเละพื้นที่จัดเเสดงผลงานพิเศษ ในขณะที่ชั้น 3 นั้นจะเป็นพื้นที่ของเเกลอรี่ อีก 2 เเกลอรี่ด้วยกันรวมทั้ง Auditorium เเละห้องประชุมย่อยๆ อีก 3 ห้องรวมทั้ง ห้องสมุดศิลปะ เเละที่สำคัญคือที่ตั้งของ Brasserie Paul Bocuse Le Mus?e ที่อยู่ในพื้นที่รูปวงกลมที่ยื่นออกไปในพื้นที่ว่าง

ตามรอยอนิเมชั่นดัง เที่ยว THE NATIONAL ART CENTER
       ฉากที่ THE NATIONAL ART CENTER ปรากฏก็คือเป็นตอนที่ มากิ เเละรุ่นพี่มิกิ ออกมาเดทครั้งเเรกเเละครั้งเดียว โดยการจัดการของมิตสึฮะ ตอนที่สลับร่างกัน เเละทั้งคู่ได้มานั่งทานอาหารกันที่ร้าน Brasserie Paul Bocuse Le Mus?e นั่นเอง โดยหลังจากนั้นก็ไปเดินดูการจัดเเสดงภาพถ่ายที่มีภาพของเมืองที่ มิตสึฮะ อาศัยอยู่ด้วย ก่อนที่ทั้งคุ่จะไปเเยกกันที่ สะพานลอยของสถานีรถไฟ Shinanomachi
ส่วนใครที่สนใจจะเดินทางมา เที่ยวญี่ปุ่นตามรอยอนิเมชั่นดัง และมาชมดูผลงานศิลปะที่ หอศิลป์โตเกียว นั้นขอบอกว่าที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวันโดยปิดในวันอังคาร เเละเปิดตั้งเเต่เวลา 10.00 น. จนถึงเวลา 18.00 น. โดยประตูทางเข้าจะปิดในเวลา 17.00 น. เเละคุณสามารถเดินทางมาโดยใช้บริการของรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Chiyoda line โดยให้มาลงที่สถานี Nogizaka Station จากนั้นให้เลือกทางออกที่ 6 เดินต่ออีกเพียงเเค่นาทีเดียวก็จะถึงเเล้ว

ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น แม้ว่าค่าครองชีพจะแพงกว่าก็ตาม มีปัจจัยอะไรบ้างไปดู!!

ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น
ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น แม้ค่าครองชีพจะสูงกว่าไทยมากก็ตาม คนไทยก็ยังชอบที่จะมาเที่ยวญี่ปุ่น บางคนมาเกือบทุกปี หรอปีละหลายๆครั้ง เหตุผลอันดับต้นๆที่คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คงจะหนีไม่พ้นไปชมดอกซากุรบาน ความเป็นระเบียบ เป็นต้นกำเนิดภาพยนต์การ์ตูนและอื่นๆ อีกมากมาย

ทำไมคนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น มีปัจจัยอะไรที่สำคัญบ้าง มาดูกันเลย

ไปชมดอกซากุระบาน

เหตุผลอันดับต้นๆที่คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นก็คงจะหนีไม่พ้นไปชมดอกซากุรบานนั่นเอง เพราะถ้าให้นึกถึงประเทศญี่ปุ่นคนส่วนมากจะนึกถึงดอกซากุระเป็นอันดับแรก

ทัวร์ญี่ปุ่นส่วนตัว

เทศกาลดอกซากุระจึงเป็นอีกหนึ่งเทศกาลสำคัญซึ่งจัดขึ้นทั่วประเทศญี่ปุ่น ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเที่ยวชมดอกซากุระ ซึ่งแต่ละพื้นที่จะเริ่มบานต่างกันตั้งแต่เดือนมีนาคม จนกระทั่งเดือนพฤษภาคม ไปเที่ยวญี่ปุ่นทั้งทีต้องไปเซลฟี่กับดอกซากุระ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นนะ 

การ์ตูน ภาพยนตร์ นักร้อง ชื่อดัง

หลายคนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมื่อตอนเป็นเด็ก ชอบดูการ์ตูนญี่ปุ่น เช่น ไอ้มดแดง โดเรมอน ดราก้อนบอล โตขึ้นก็จะมีภาพยนตร์ญี่ปุ่น ซี่รี่ย์ญี่ปุ่นให้ติดตามกันตลอด ตลอดจนนักร้องชื่อดัง ที่ทำเอาสาวไทยหัวใจแทบละลาย จึงทำให้คนหลงรักและชอบอะไรต่างๆที่เกี่ยวกับญี่ปุ่นโดยไม่รู้ตัว เพราะการซึมซับตั้งแต่วัยเด็ก และฝันสักครั้งต้องไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้ได้

มารยาทงดงามการต้อนรับอบอุ่น

คนญี่ปุ่นเป็นคนน่ารัก อ่อนน้อม ต้อนรับนักท่องเที่ยวดีมาก ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ หรือประชาชนทั่วไปเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวเดือดร้อนหรือมีปัญหาก็จะช่วยเหลือเต็มที่ ถึงแม้บางครั้งอาจจะมีปัญหาด้านการสื่อสารบ้างก็ตาม แต่เรื่องน้ำใจเป็นที่หนึ่งไม่แพ้ชาติใดในโลก

มีความปลอดภัยสูง

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีอาชญากรรมต่ำมากประเทศหนึ่งในโลกเลยทีเดียว การเดินทางท่องเที่ยวญี่ปุ่นคนเดียว ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ไม่ได้หมายความว่าประเทศญี่ปุ่นไม่มีโจรหรือขโมย ถ้ารู้จักท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาทจนเกินไป ก็สามารถสะพายเป้ท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจ

มีหลายฤดูน่าตื่นตาตื่นใจ

ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีครบทุกฤดู ฤดูร้อน ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง  ฤดูฝน ทำให้มีบรรยากาศที่หลากหลายและแต่ละฤดูก็มีความงดงามแปลกตาและแตกต่างกัน การแต่งกายแต่ละฤดูก็แตกต่างกัน มีแฟชั่นการแต่งกายแต่ละฤดู ทำให้รู้สึกตื่นเต้นไม่น่าเบื่อเพราะมีอะไรที่ใหม่ๆให้ดูอยู่เสมอ ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นฤดูไหนก็มีแหล่งท่องเที่ยวให้ไปเยี่ยมชมได้ตลอดปี

การเดินทางสะดวก

เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นกับประเทศไทยอยู่ไม่ห่างมากนัก การเดินทางก็สะดวกและใช้เวลาไม่นาน และด้วยเวลาที่ไม่ต่างกันมากนัก จึงทำให้คนไทยที่ไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นปรับตัวได้ง่าย ไม่เหนื่อยล้าในการเดินทาง และที่สำคัญค่าใช้จ่ายก็ไม่สูงมากนัก

ศิลปวัฒนรรมประเพณีอันเก่าแก่

ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่รักษาขนบธรรมประเพณีอันเก่าแก่ไว้ได้ดีมาก สืบทอดมายาวนานสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน เอกลักษณ์ที่คนนึกถึงประเทศญี่ปุ่นก็คือ  ชุดกิมโมโน ซามุไร พระราชวังเก่าแก่ การไหว้แบบญี่ปุ่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นได้ไม่ยาก

เครื่องสำอางคุณภาพดีราคาถูกและผลิตภัณฑ์ไอเดียเก๋ๆ

ขึ้นชื่อว่าเครื่องสำอางญี่ปุ่น ถูกจริตกับสาวไทยมากเนื่องจากเป็นผิวโซนเอเชียเหมือนกัน และถ้ามาท่องเที่ยวเที่ยวญี่ปุ่นสักครั้งสาวๆส่วนใหญ่ก็จะไม่พลาดหอบเครื่องสำอางกับบ้านไปกักตุนไว้ใช้เป็นปีเลยทีเดียวเพราะราคาถูกกว่าซื้อประเทศไทยมาก อาจจะถูกกว่าเป็นครึ่งเลยก็ว่าได้ และนอกจากเครื่องสำอางแล้วยังมีสินค้าไอเดียเก๋ๆน่ารักๆ อีกมากมายที่น่าซื้อหาติดไม้ติดมือเป็นของฝากซึ่งราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด

ภูเขาไฟ

สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นคือ ภูเขาไฟฟูจิ  ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกจะต้องไปถ่ายรูปคู่กับภูเขาไฟฟูจิให้ได้ เพราะฉะนั้นถ้าใครไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่ได้ถ่ายฟูจิ และไม่มีรูปคู่ภูเขาไฟฟูจิกลับบ้านแล้วละก็ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลยนะ บอกเลยน่าเสียดายมาก

EIYAIDA Facebook Page