ญี่ปุ่น เป็นประเทศจุดหมายปลายทาง และประเทศในฝันของนักท่องเที่ยว ซึ่งแน่นอนว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะซื้อหนังสือไกด์บุ๊ค หรือดูเว็บไซต์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวก่อนไปเที่ยวกัน จริงไหม
แต่ไกด์บุ๊กและเว็บไซต์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวนั้น มักจะแนะนำแต่สถานที่เดิมๆ เหมือนๆ กันไปหมด หรือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ฮอตฮิตอยู่ ณ ขณะนั้น ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ได้ไปแต่ที่เดิมๆ จนเบื่อแล้ว
วันนี้ rabbit finance จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่นอกเหนือจากแลนด์มาร์คของประเทศญี่ปุ่นมาแนะนำกัน แต่จะมีอะไรบ้างนั้นต้องเลื่อนลงไปอ่านกันเลย กับ 7 Hidden Places in Japan
7 Hidden Places in Japan ที่เที่ยวที่แอบซ่อนใน ญี่ปุ่น
1. คิบูเนะ (Kibune), จังหวัด Kyoto, ภูมิภาค Kansai
คิบูเนะ เป็นเมืองชนบทเล็กๆ ที่อยู่ทางตอนเหนือของเกียวโต ซึ่งเมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงด้านความงดงามตามธรรมชาติ ที่ผสานกับศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น อีกทั้ง ยังมีศาลเจ้าคิบูเนะที่คนเลื่อมใสศรัทธาตั้งอยู่อีกด้วย โดยตามตำนาน เทพเจ้าได้เดินทางจากเมืองโอซาก้าโดยใช้เรือสีเหลือง ล่องตามแม่น้ำขึ้นมาที่ภูเขาทางเหนือของเกียวโต และมาถึงปลายทางที่เมืองแห่งนี้ จึงตั้งชื่อเมืองตามตำนานว่า คิบูเนะ หรือ เรือสีเหลือง
2. น้ำตก 48 แห่งที่อากาเมะ (Akame 48 Falls), จังหวัด Mie, ภูมิภาค Kansai
ที่อากาเมะ มีน้ำตกมากกว่า 48 แห่งตามเส้นทางในป่าเขา โดยมีอยู่ 5 แห่งที่มีชื่อเสียง ซึ่งแต่ละแห่งก็จะมีรูปร่างและขนาดที่ไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมได้ทุกฤดูกาล แต่ที่สวยที่สุดจะเป็นฤดูร้อนที่มีน้ำมากและผืนป่าเขียวขจี หรือฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยงาม
3. เกาะแมวเอโอชิม่า (Aoshima-Cat Island), จังหวัด Ehime, ภูมิภาค Shikoku
เกาะเอโอชิม่า เป็นเกาะเล็กๆ ที่อยู่ห่างไกลของจังหวัดเอฮิเมะ (Ehime) แต่เป็นที่รู้จักกันทั่วโลกในนามของ เกาะแมว เพราะมีแมวอยู่บนเกาะมากกว่าคนถึง 6 เท่า ทำให้มีเหล่าทาสแมวทั่วโลกเดินทางมาเที่ยวที่เกาะนี้กันอย่างมากมาย
4. เขื่อนกั้นน้ำทะเล (Wakkanai Port North Breakwater Dome), ภูมิภาค Hokkaido
เขื่อนกั้นน้ำทะเล ที่อยู่เกือบเหนือสุดของเกาะฮอกไกโด สร้างขึ้นเพื่อป้องกันคลื่นลมแรงให้กับสถานีรถไฟ แต่ในปัจจุบันไม่ได้ถูกใช้งานแล้ว ซึ่งเขื่อนแห่งนี้มีรูปร่างที่แปลกตามาก เพราะมีลักษณะเป็นทรงโค้งคล้ายกับท้องเรือ มีความยาวทั้งหมดเกือบ 450 เมตร โดยมีเสาสไตล์โรมันอยู่ 70 ต้น หากมองเผินๆ ก็ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าอยู่ประเทศญี่ปุ่น
5. พิพิธภัณฑ์หินโอยะ (Oya Stone Museum), จังหวัด Tochigi, ภูมิภาค Kantō
พิพิธภัณฑ์หินโอยะ มีบรรยากาศภายในเหมือนกับอยู่ในพีรามิดของประเทศอียิปต์ โดยพิพิธภัณฑ์หินแห่งนี้สร้างจากเหมืองหินเก่าที่จังหวัดกุนมะ ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ยุคก่อนที่จะมีการใช้งานคอนกรีตกันอย่างแพร่หลาย และว่ากันว่าในปีค.ศ. 1970 เหมืองแห่งนี้มีการขุดหินออกมามากถึง 9 แสนตันเลยทีเดียว
แต่ในปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณท์ที่จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมา การทำเหมืองหิน และใช้เป็นที่จัดแสดงต่างๆ โดยภายในจะมีอุณภูมิเท่ากัน คือ ประมาณ 8 องศาตลอดทั้งปี
6. ถ้ำริวเซนโดะ (Ryusendo Cave), จังหวัด Iwate, ภูมิภาค Tōhoku
ถ้ำริวเซนโดะ เป็น 1 ใน 3 ถ้ำหินงอกหินย้อยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น โดยภายในถ้ำมีขนาดใหญ่ถึง 5 กิโลเมตร แต่ได้รับการสำรวจไปเพียง 3.6 กิโลเมตรเท่านั้น และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมแค่เพียง 700 เมตร
7. น้ำตกฟุกิวาเร (Fukiware Falls), จังหวัด Gunma, ภูมิภาค Kantō
น้ำตกฟุกิวาเร เป็นหนึ่งในน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยแปลกตาที่สุดของประเทศญี่ปุ่น โดยน้ำตกแห่งนี้จะมีความสูง 7 เมตร กว้าง 30 เมตร มีลักษณะเหมือนกับแผ่นหินแตกร้าวเป็นช่องให้น้ำไหลตกลงไป ซึ่งช่วงเวลาที่คนนิยมมาชมกันมากที่สุด คือ ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะเพื่อนๆ ชอบที่ไหนเป็นพิเศษหรือเปล่าเอ่ย หากเพื่อนๆ นักเดินทางชอบที่ไหนเป็นพิเศษ ก็ปักหมุดพร้อมออกเดินทางไปปักแลนด์มาร์คคกันเลย