30 ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น ที่คุณจะต้องเจอในเมืองปลาดิบแห่งนี้

30 ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความเป็นเอกลักษณ์ซึ่งมีความท้าทายไม่น้อยในการมาท่องเที่ยวที่นี่ ที่ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ยากเลียนแบบ ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น เรา (EIYAIDA) ได้รวบรวมมาให้เตรียมตัวรับมือแล้วที่นี่ และทำให้คุณได้ทราบว่าวัฒนธรรมบางอย่าง ยังแตกต่างกันอยู่ไม่น้อยเลย แต่ยังไงมันก็เป็นอะไรที่น่ามาเยือน เพราที่นี่คือ “ญี่ปุ่น”

ความท้าทายเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ดี เพียงคุณลองมาสัมผัสกับชีวิตบนท้องถนนเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นหล่ะ ก็จะทำให้การมาเยือนญี่ปุ่นของคุณน่าจดจำและคุ้มค่ามากขึ้น

ตัวอย่างต่อไปนี้อาจช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับเรื่องทั่วๆไปที่ผู้มาเยือนที่จะต้องเผชิญ บางคนอาจร้ายแรง ซึ่งเป็นความท้าทายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถเอาชนะได้ง่ายด้วยการมองการณ์ไกลเพียงเล็กน้อย และเตรียมตัวเท่านั้นเอง

เอาหล่ะโม้มาเยอะแล้วมาเริ่มกันเลยซะที

1. ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น แรกคือ คุณจะสูญเสียการมองเห็นในแนวตั้ง เมื่อ……

ป้ายแนวตั้งญี่ปุ่น

ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น ปัญหาแรกคือเมื่อคุณกำลังมองหาร้านค้าหรือร้านอาหารในเมืองใหญ่ๆของญี่ปุ่นคุณจะพบว่ามีเพียงไม่กี่แห่งที่ตั้งอยู่ชั้นล่างเท่านั้น ถ้าคุณมุ่งเน้นไปที่ชั้นหนึ่งคุณก็อาจจะพลาดและหาไม่เจอได้

โปรดใช้ดวงตาที่สวยงามของคุณจับจ้องขึ้นไปตามป้ายโฆษณาข้างตึกเพื่อหาจุดหมายปลายทางของคุณในทะเลของป้ายแบบญี่ปุ่นตามแนวตั้ง ไม่ลายตาให้มันรู้ไป ไม่เชื่อลองดู

2. ฝนจะตก

ฝนอาจตกมาได้ทุกฤดู

สิ่งสำคัญคือต้องคิดถึงสภาพอากาศเมื่อคุณวางแผนการเดินทางของคุณ ญี่ปุ่นมีฝนตกมากบางเดือน การเผชิญหน้ากับไต้ฝุ่นเป็นอีกความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในฤดูไต้ฝุ่น เพราะฉะนั้นเตรียมร่ม เสื้อกันหนาวและกันฝน ยาแก้ไข้ แก้ไอไปด้วยจะเป็นการดีที่สุด

3. คุณจะหาทางออกรถไฟไม่เจอ

หาทางออหไม่เจอ

สถานีรถไฟญี่ปุ่นมีความซับซ้อน ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น ที่สำคัญคือต้องทราบว่าทางออกที่คุณต้องใช้คือทางไหนหากคุณมีปลายทางที่เฉพาะเจาะจงในใจคุณอยู่แล้ว คุณจะเสียเวลาในการพยายามหาทางออกอย่างสิ้นหวัง และถ้าคุณใช้ทางออกผิดอีก รับรองขาลากกันไปข้าง แน่ๆ

แม้ว่าคุณจะไม่มีปลายทางที่เฉพาะเจาะจง คุณอาจจบลงด้วยความน่าเบื่อของการหลงทางและร้านที่ไม่ได้อร่อย หรือบรรยากาศตามที่คาดหวังได้ สถานีใหญ่ๆในประเทศญี่ปุ่นมีแผนที่และออกเป็นแผ่นพับคู่มือเวลาซื้อตั๋ว ก็หยิบๆมาแล้วใช้เวลาสักครู่เพื่อตรวจสอบคู่มือก่อนออกจากสถานีหรือแอพนำทางเทียบดูเป็นการดีสุดนะจ๊ะ

4 ย่านชั้นนำมีสิ่งล่อตาล่อใจและทำลายสมาธิเกินไป

แสงสีล่อใจในชินจุกุ

ย่านที่มีความสำคัญ เช่น ชินจูกุมันค่อนข้างมีสิ่งล่อตาล่อใจมากเกินไป ผู้มาเยือนส่วนใหญ่ก็จะรู้สึกสนุกสนานตามสิ่งต่างๆที่มากระตุ้น  คนอื่น ๆ อธิบายว่ามันถึงขั้นครอบงำและเป็นย่านที่อันตรายในญี่ปุ่นอันดับต้นๆเลยทีเดียว ถ้าคุณอยากรู้สึกสบาย ๆ ละก็ในโตเกียวยังมีย่านที่เงียบสงบมากมาย ลองไปเดินดู ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น แบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับคุณเลย และชีวิตการเที่ยวคุณก็จะสงบและเห็นความงามของญี่ปุ่นมากยิ่งขึ้น 

5. คุณจะสุ่มเกินไป

การเดินเล่นรอบ ๆ อาจสนุก แต่การวางแผนมักทำงานได้ดีในญี่ปุ่น ตัวอย่างเช่น สถานบันเทิงยามค่ำคืนอาจเป็นเรื่องยากที่จะหาได้และคุณอาจต้องไปที่ไหนสักแห่งด้วยการเดาสุ่ม การเดินแบสุ่มๆ หาร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวน่าจะดีขึ้น ด้วยการหาข้อมูลเพียงเล็กน้อย โตเกียวอาจจะมีร้านอาหารกว่า 100,000 ร้าน แต่ก็ยากที่จะหาร้านที่อร่อยและถูกปาก เพราะฉะนั้นหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น มิชิลินไกด์ เป็นต้น

6. คนจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นของคุณ

คนจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นของคุณ

ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น หลักๆคือภาษายกเว้นกรณีที่การออกเสียงของคุณนั้นตรงเป๊ะแบบเดียวกับคนญี่ปุ่น (ยากมาก) ทุกคนอาจไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นที่คุณจดจำมาแล้วนำมาใช้ ขอแนะนำว่าให้เน้นการเรียนรู้คำสองสามคำที่มีไว้แก้ปัญหาได้ ดีกว่าจะเรียนรู้คำศัพท์ที่ครอบคลุมสำหรับการเดินทางของคุณเยอะแยะไปหมด พอนำมาใช้ก็พูดออกเสียงผิดๆ ถูก ซึ่งยากที่จะเข้าใจกว่าการพูดคำหลักๆ

7. ภาษาอังกฤษจะไม่เวิร์ค

อย่าคิดว่าคนจะพูดภาษาอังกฤษในญี่ปุ่น นี่หล่ะคือ ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น ถ้าคุณต้องการใช้ภาษาอังกฤษให้พูดช้าๆและใช้พลังของภาษากายเป็นหลัก หลีกเลี่ยงวลีที่ซับซ้อน วลีภาษาญี่ปุ่นที่คุณจำมาใช้สามารถช่วยได้มาก

คนจะมีโอกาสที่จะเข้าใจภาษาอังกฤษของคุณ เมื่อพวกเขาเห็นว่าคุณพยายามที่จะพูดภาษาญี่ปุ่นบ้าง อย่างน้อยก็ผสมภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษเข้าด้วยกัน เช่น ถ้าคุณต้องการถามหาสถานีรถไฟก็ใช้ คำว่า “Train Station doko?” ประมาณนี้อ่ะ เข้าใจนะ

เที่ยวญี่ปุ่นแบบส่วนตัว

8. คุณจะตกใจกับใบเรียกเก็บเงิน

เปล่านะครับไม่ใช่ราคา เพราะญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องราคาแพงเสมอไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่ราคาถูกในประเทศของคุณอาจมีราคาแพงในญี่ปุ่นก็ได้ และในทางกลับกัน ตัวอย่างเช่น รถแท็กซี่มีราคาแพง แต่อาหารไม่เลว (เทียบกับคุณภาพ) โปรดจับตาดูแท็บที่วิ่งมาในหน้าจอทีวีคาราโอเกะของคุณ เพราะมันอาจแพงหูฉี่ ในขณะที่คุณกำลังเมามันส์กับการประสานเสียงอยู่ได้ หากตุณไม่ระมัดระวังอาจหมดตัวได้เลยทีเดียว สถานบันเทิงยามค่ำคืนของโตเกียวได้รับการออกแบบมาเพื่อระบายเงินคุณโดยเฉพาะอยู่แล้ว โปรดระวัง ขอบอก อิอิ

9. คุณจะไม่สามารถสั่งซื้อได้

เมนูญี่ปุ่นล้วน

เมนูร้านอาหารอาจเป็นภาษาญี่ปุ่น ในหลาย ๆ กรณีตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นในเมนูจะเก๋มากและอ่านยาก ร้านอาหารบางร้านมีรูปแบบเมนูพลาสติกวางเป็นเล่มๆ ถ้าโชคดีคุณอาจสามารถสั่งซื้อโดยการชี้ หากไม่ใช่แล้วแย่ที่สุด อาจคุณสามารถสั่งซื้อสินค้าแบบสุ่มเดาเอาเลย มันก็จะเป็นอะไรที่หรรษามากเพราะคุณจะได้กินอะไรที่ไม่อยากกินและจะหมดสนุกไปเปล่าๆ

10. คุณจะกินอะไรที่ลึกลับ

อาหารเซ็ทญี่ปุ่น

มีอาหารญี่ปุ่นหลายพันแบบ คุณอาจสั่งซื้อบางอย่างแล้วตระหนักว่าไม่ใช่สิ่งที่คุณคิดไว้ อาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศ เช่น kaiseki อาจรวมถึงส่วนผสมที่มีความลึกลับแม้กระทั่งชาวญี่ปุ่นอาจยังไม่รู้จัก เช่น พืชผักพื้นบ้านประจำถิ่นคุณอาจเจอในร้านตามต่างจังหวัดครับ

หากคุณมีอาการแพ้อาหารหรือมีข้อจำกัดในการรับประทานอาหารแล้ว ควรเลือกอาหารที่คุณรู้จักจะดีที่สุด สิ่งสำคัญคือต้องเตรียมพร้อมที่จะสอบถามไกด์ของคุณ (หรือคนที่รู้ภาษาญี่ปุ่น) การเดาอาจจะเกิดความยุ่งยากกว่าที่คุณคิด ภายหลังก็ได้นะ

11. คุณจะกินอะไรที่คุณไม่ชอบ

ญี่ปุ่นมีอาหารป่าบางชนิดที่ไม่ได้รับความนิยมจากผู้เยี่ยมชม เช่น ปลาซาซิมิดิบหรือหอยสังทะเล (ขมมาก แอดลองมาแล้ว เยื้ย คิดแล้วขมคอเลย)

12. คุณจะใช้พลังงานเป็นจำนวนมากในการหาผัก

ชาวญี่ปุ่นเพียงไม่กี่คนเป็นมังสวิรัติ เป็นแนวคิดที่ไม่คุ้นเคยในญี่ปุ่น ตัวอย่าง เช่น คนอาจสันนิษฐานได้ว่ามังสวิรัติสามารถกินปลาได้และถ้าเป็นเช่นนั้นอาหารมังสวิรัติก็หาได้ง่าย แต่ร้านอาหารมังสวิรัติจริงๆหาค่อนข้างหายาก แต่ถ้ากินปลาได้ ก็หาร้านหาอาหารญี่ปุ่นแบบรวมๆ ทำได้หลายอย่างก็จะพอเอาชีวิตรอดได้

รถนำเที่ยวญี่ปุ่น

13. คุณจะทำอะไรแปลก กับตะเกียบของคุณ

ข้อปฏิบัติในการใช้ตะเกียบที่ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นมีมารยาทในการใช้ตะเกียบที่เอาค่อนข้างเป็นจริงเป็นจัง อย่างมาก การวางตะเกียบ การคีบอาหาร ก็ควรจะศึกษาไว้นิดนึงนะ จะได้ไม่เป็นที่เพ่งเล็ง

14. คุณจะรู้สึกแปลกตา (Underdressed)

เมื่อพูดถึงแฟชั่นญี่ปุ่นแบบจ๋าๆ แต่งตัวในแนวที่ตัวเองชอบ มีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างมากแล้ว นักท่องเที่ยวในกรุงโตเกียวมักจะมองไม่ค่อยดีนัก ไม่ว่าคุณจะใส่ใจหรือไม่ก็เป็นที่ไม่เป็นเรื่องเฉยๆแหละ แต่ถ้าคุณรู้สึกสบายเหมือนอยู่ในช่วงวันหยุดก็ปล่อยๆไปเลย อย่าไปสนใจมาก

15. ยูกะตะของคุณจะกลับทางหน้าหลังหรือสลับซ้ายขวา

การใส่ยูกะตะ

ถ้าคุณอยู่ในเรียวกังหรือเข้าร่วมงานเทศกาลคุณอาจต้องสวมยูกาตะ ต่อไปนี้เป็นวิธีใส่ยูกาตะ

16. คุณจะช็อกคนด้วยเท้าของคุณ

คุณจะต้องถอดรองเท้าออกที่ร้านอาหารญี่ปุ่น วัด ศาลเจ้าและที่พักอาศัย คุณอาจจะอับอายจนเป็นปัญหาระดับชาติได้ หากคุณไม่ปฏิบัติตามธรรมเนียม

17. คุณจะหายไปในเรียวกังของคุณ

เรียวกังเป็นมากกว่าโรงแรม มันคือเป็นพิภพเล็ก ๆ บนโรงแรมตัวเอง สิ่งสำคัญคือต้องทำความเข้าใจถึงจุดเด่นของการอยู่รอดของเรียวกังก่อนการเดินทางของคุณ

18. คุณจะคำนับผิดทั้งหมด

การคำนับของญี่ปุ่นมีหลายแบบ คุณสามารถเข้าถึงได้หรือไม่ก็ตาม แต่ถ้าคุณรู้จักการคำนับที่ถูกต้องคุณก็จะได้รับการยอมรับจากคนญี่ปุ่น วิธีที่ถูกและผิดลองดูกัน

19. คุณจะไม่สามารถนั่งได้

ตำแหน่งนั่งแบบดั้งเดิมอาจเป็นความท้าทายสำหรับผู้มาเยือนจำนวนมาก ลองดูไหมครับว่าไขข้อยังดีอยู่ไหม อิอิ

20. คุณจะพลาดรถไฟขบวนสุดท้ายของคุณ

โตเกียวอาจเป็นเมือง 7/24 แต่รถไฟขบวนนี้สิ้นสุดลงค่อนข้างเร็ว ดูตารางได้

21. คุณจะนั่งรถไฟผิดทาง

ปัญหาเวลามาเที่ยวญี่ปุ่น หลักๆอีกอย่าง คือระบบรถไฟของประเทศญี่ปุ่นมีความซับซ้อนและกว้างขวาง ในกรุงโตเกียวมีบริษัทรถไฟหลายแห่งที่ให้บริการหลายร้อยสาย แม้ว่าคุณจะได้พบกับแพลตฟอร์มที่เหมาะสมแล้วก็ตาม (Google Map) แต่ก็ยังมีรถไฟด่วน รถไฟด่วนด่วนแ ละรถไฟท้องถิ่นที่มีข้อจำกัด อีกมากต้องศึกษาก่อนนะครับ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ใช้เครื่องมือค้นหาเส้นทางเพื่อทำลายความซับซ้อนนี้ลง และวางกำหนดการเรียบร้อยแล้วนะ ไม่งั้นแอดจะรู้สึกเสียดายเงินและเวลาที่เสียไปกับการนั่งรถไฟผิดๆ ถูกๆ

22. คุณจะหลงทางแม้จะมีแผนที่ในมือ

เมืองญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นกลุ่มตามที่ชื่อและหมายเลข ใช้เพื่อนำทางแทนที่จะใช้ชื่อถนน นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเสมอไป ในการตามหาจุดหมายถ้าเค้าไม่ลงรายละเอียดไว้ใน Google Map

23. คุณจะรู้สึกว่าไม่คุ้มค่าที่จะขับรถระหว่างเมืองใหญ่ๆ

บ่อยครั้งที่การขับรถหรือใช้บริการรถแท็กซี่จะมีความสะดวกสบาย แต่สำหรับราคาความเร็วและราคามันสวนทางกันโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น การขับรถจากกรุงโตเกียวไปยังเกียวโตถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายอย่างมาก

ญี่ปุ่นมีทางหลวงที่สวยงามหลายแห่ง อย่างไรก็ตามทางหลวงส่วนใหญ่ที่เชื่อมต่อเมืองสำคัญ ๆ การที่เราจะใช้วิธีขับรถเพื่อสำรวจพื้นที่ต่างๆและพื้นที่ชานเมืองก็เป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะสะดวกกว่าใช้รถไฟอย่างยิ่ง

24. คุณจะขับรถเหมือนคนบ้าและประหลาดในสายตาของรถคันข้างๆ

การขับรถในญี่ปุ่นนี่แหละมันไม่ง่าย แม้ว่าคุณจะสามารถขับรถในญี่ปุ่นได้โดยใช้ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ (IDP) ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถขับรถเองได้เลยในญี่ปุ่นนะครับ ทางที่ดีคุณควรศึกษาสัญญาณจราจรและกฎเกณฑ์ที่ต่างกันของญี่ปุ่นไว้บ้าง ถนนและทางหลวงของญี่ปุ่นอาจแคบมาก ถนนบนภูเขาอาจบิดเบี้ยวและอันตราย เตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายครั้งใหม่ของคุณได้เลย หากคุณเลือกที่จะขับรถเที่ยวเอง

25. เตียงของคุณจะแข็ง

ฟู๊กญี่ปุ่น

เตียงและที่นอนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมจะหนักกว่าที่คุณคาดไว้ นักเดินทางส่วนใหญ่จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่บางคนที่มีปัญหากับการนอนเตียงแบบนี้ ก็เป็นปัญหาคนคุณเองแล้วหล่ะ เพราะแทบทุกที่เหมือนกันหมด สำหรับฟู๊กญี่ปุ่น

26. บัตรเครดิตของคุณจะใช้ไม่ได้

บัตรเครดิต หรือบัตรอื่นๆของธนาคารในญี่ปุ่นจะมีไม่กี่เครื่องที่ยอมรับบัตรของธนาคารต่างประเทศ ชาวญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินสดให้กับสิ่งต่างๆ แม้ปัจจุบันบัตรเครดิตรายใหญ่ๆได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามควรพกเงินสดให้เพียงพอเป็นเวลาหลายๆ วัน และอย่าลืมแจ้งธนาคารของคุณว่าคุณจะใช้บัตรของคุณในประเทศญี่ปุ่นเพราะเค้าอาจยกเลิกธุรกรรมได้

27. คุณจะทำร้ายผู้คนด้วยกระเป๋าเดินทางของคุณ

เป็นความคิดที่ไม่ดีที่จะพยายามนำถุงขนาดใหญ่มาด้วยขณะใช้บริการรถไฟในชั่วโมงเร่งด่วน ควรพิจารณาส่งกระเป๋าขนาดใหญ่ของคุณโดยบริการจัดส่งที่สะดวกมากๆ ของประเทศญี่ปุ่นซะจะเป็นการดีที่สุด หรือใช้บริการรถตู้รับส่งไปและกลับจากสนามบินไปโรงแรมก็จะพอตอบโจทย์ได้บ้าง

28. คุณจะเจอกับแผ่นดินไหว

สถิติแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ของโลกเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจถึงความเสี่ยงและเตรียมตัว เพราะจะไปเที่ยวแล้วก็แค่เตรียมตัว เตรียมใจ เพราะไงก็มีตั้ง 70 กว่าวันที่จะเกิดแผ่นดินไหวใน 1 ปี ถ้าโชคดีอาจได้รับประสบการณ์ใหม่ๆครับ

29. ยาคุณจะหมดและหายาไม่ได้

ร้านขายยาญี่ปุ่น

ยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพในญี่ปุ่นแตกต่างกันมากจากประเทศอื่น สิ่งที่คุณควรทำคือ นำสิ่งที่คุณต้องการใช้มาด้วยเป็นการดีที่สุด

30. คุณจะเสียใจถ้ามีความคาดหวังเพราะมันจะไม่ได้รับการตอบสนอง

ลดความคาดหวังในการมาเที่ยวญี่ปุ่น

ประเทศญี่ปุ่นมีขนาดใหญ่เกินไปและอาจมีสิ่งที่คุณคาดหวังว่าจะได้ดู หรือได้ใช้บริการในแนวทางตามความคาดหวังของคุณ ไม่ว่าคุณจะคาดหวังอะไร ญี่ปุ่นน่าจะทำให้คุณประหลาดใจ ไปกับความที่อาจไม่ได้ดั่งใจ ตามที่กล่าวมาในทุกข้อ การทำใจให้เปิดกว้างคุณจะได้รับความสนุกสนานกับการเดินทางของคุณ

นักเดินทางที่มีความสนุกสนานมากที่สุดในญี่ปุ่น ล้วนมาญี่ปุ่นแบบเจาะลึกแสวงหาความต่างและความคาดหวังจะเจอสิ่งที่ไม่คาดฝันนั่นเอง

ถ้าเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์ก็ช่วยแชร์เพื่อเป็นกำลังใจกับทีมงานด้วยครับผม สุดท้ายทีมงานขอให้ท่านได้รับความสนุกสนานเวลามาเที่ยวญี่ปุ่นกันนะครับ ด้วยความหวังดี EIYAIDA