1.ตำนานรอยสักญี่ปุ่น
รอยสักจริงๆ มีมาบนโลกมนุษย์กว่า 4,000 ปี ตั้งแต่ยุคสมัยอียิปโบราณ มีหลักฐานการพบเจอใน มัมมี่ที่ถูกค้นพบ แต่ในญี่ปุ่นรอยสักมีประวัติที่น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยรอยสักของญี่ปุ่นนั้นมีความสวยงามอย่างยิ่งจัดว่าเป็นเบอร์ต้นๆของโลกเลยทีเดียว เราจึงขอนำเสนอเรื่องราวของ ตำนานรอยสักญี่ปุ่น ที่มีอายุยาวนานกว่า 3,000 ปี
ตำนานรอยสักญี่ปุ่น ถูกค้นพบครั้งแรกที่ตุ๊กตา “ฮานิวะ“ ที่ถูกขุดพบพร้อมกับหลุมศพของโชกุน หรือเจ้านายในยุคนั้น นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบอายุแล้วพบว่ามีอายุเก่าแก่ประมาณ 2,300 ปีเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามนักโบราณคดีและประวัติศาสตร์ก็สันนิษฐานว่าผู้ที่มีรอยสักก็ต้องเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นผู้กล้าของทหารในสมัยนั้น บางกลุ่มเชื่อว่าต้องเป็นการแสดงยศตำแหน่งของคนที่มีรอยสักนั้น
แม้จะมีหลักฐานจากรอยสักบน “ฮานิวะ” ที่อยู่ในหลุมศพก็ตามแต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่เชื่อว่ารอยสักเป็นการทำเครื่องหมายของนักโทษเพื่อเป็นการประจานและเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมตัวและระบุถิ่นที่อยู่
เบื้องต้นรอยสักถูกนำมาใช้ในสังคมญี่ปุ่นเพื่อวัตถุประสงค์ทางจิตวิญญาณหรือถ่ายทอดสถานะทางสังคม เนื่องจากความเชื่อโชคลางว่ารอยสักจึงมีแนวโน้มที่จะเชื่อมโยงสิ่งมีชีวิตบางอย่างกับความเชื่อ
ในเวลาเดียวกันรอยสักก็จะถูกนำมาใช้เพื่อระบุชนชั้นที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น การแยกทาสออกจากเจ้าของการระบุตัวตนนี้เป็นสิ่งที่ผลักดันการยอมรับรอยสักอย่างกว้างขวางโดยมีผู้คนจำนวนมากขึ้นนำเสนอตัวตนของตนเอง
อาชญากรคนหนึ่งต้องปรับเปลี่ยนการออกแบบที่แตกต่างกันเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างแก๊งของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ยากูซ่าและมาเฟียญี่ปุ่น
ที่นำเอารอยสักมาใช้ในการแสดงว่าได้ทำความดีความชอบให้แก๊งไปมากเท่าไรแล้วยิ่งมีรอยสักมากก็แสดงว่ามีความเก่งกาจสามารถมาก
แนวโน้มของการสักทั่วโลกยุคปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนไปในทางงานศิลปะบนร่างกายมากกว่าการสักเพื่อวัตถุประสงค์อื่นที่กล่าวมาแล้วการออกแบบที่สวยงามการเล่นลวดลายรวมทั้งการใช้สีสรรที่มีเอกลักษณ์ทำให้คนไม่สนใจเรื่องความหมายของแต่ละลายกันสักเท่าไหร่
2. ความหมายและที่มาของการสัก
การได้เห็นตำนานรอยสักญี่ปุ่น เหล่านี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับวัยพวกเขาสะท้อนถึงความเชื่อความเชื่อโชคลางและสิ่งแวดล้อมของคนญี่ปุ่นแม้ว่ารอยสักจะถูกนำมาใช้เพื่อระบุตัวตนและนี่ก็ยังเป็นจุดประสงค์หลักของการมีรอยสักคุณก็ยังสามารถค้นหาความหมายของคุณเองในแต่ละรอยสักได้
สำหรับความหมายของรอยสักญี่ปุ่นนั้นมีประวัติที่ยาวนานและน่าสนใจยิ่งนัก โดยเฉพาะชนเผ่า “ไอนู” ชนเผ่าโบราณของญี่ปุ่น มีความนิยมสักในผู้หญิงเป็นหลัก ความหมายเช่น ถ้าสักที่มือจะแสดงถึงการยินยอมทำงานหนักเพื่อสามีไปจนชีวิตจะหาไม่ สักที่ริมฝีปาก หมายถึงเธอคนนั้นจะพูดเพื่อสามี พูดแต่สิ่งดีๆเพื่อครอบครัวและนับถือเทพเจ้าของพวกเธอตลอดชีวิต
อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าผู้หญิงชาวไอนูคนไหนสักที่ริมฝีปาก เมื่อตายไปจะต้องตกนรก พบกับความยากลำบากไม่ได้ไปสวรรค์ดั่งเช่นหญิงที่มีรอยสักคนอื่นๆ
ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2200 มีหลักฐานว่ามีการสักคำว่า “สุนัข” ไว้ที่หน้าผากของอาญกรเพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้และไม่เข้าใกล้ ในกรุงโตเกียว อาชญากรจะถูกสักด้วยขีดสองขีดไว้ที่ต้นแขนขวา ส่วนในเมืองซัทสุมะ จะมีการสักเป็นรูปวงกลมเล็กๆ ไว้ที่ไหล่ซ้าย
การสักที่กล่าวมาจะทำให้ทราบว่าคนๆนั้นเป็นอาชญากรและมีพื้นเพอยู่ในเขตใดเวลาตามตัวและเห็นจะได้ทราบว่าและทำให้สถิติอาชญากรรมลดลงอย่างชาญฉลาดทีเดียว
ต่อมาในปี พ.ศ. 2220 มีหลักฐานว่ามีการสักกันอย่างแพร่หลายในกลุ่มโสเภณี แมงดา นักเที่ยว นักพนัน และคนโฉดทั้งหลาย การสักในยุคนี้จะเป็นตัวหนังสือญี่ปุ่นหรือจีนที่มีความหมายเพียงไม่กี่คำ ยังไม่ปรากฎเห็นว่ามีการสักโดยใช้รูปและลวดลายที่สวยงามอย่างในยุคนี้
การสักในบางกลุ่มคนที่มีความแตกต่างที่ชัดเจน ทำให้เกิดการแบ่งแยกชัดเจนระหว่างชนชั้น กลุ่มคนชั้นสูงจะไม่สัก รอยสักจะปรากฎในเฉพาะพวกผู้ใช้แรงงาน พวกโสเภณี ตามที่กล่าวมา แต่เมื่อมาถึง พ.ศ. 2293 รอยสักญี่ปุ่นก็พื้นคืนชีพ อีกครั้งมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบโชกุน สู่การปกครองแบบใหม่ ผู้ชายญี่ปุ่นนิยมการสักมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ แทบทุกเมืองทั่วประเทศได้มีการออกแบบลวดลายใหม่ๆ อันสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่นขึ้นมาและสืบทอด ตำนานรอยสักญี่ปุ่น มาเท่าทุกวันนี้
แต่ต่อมาได้มีการแบ่งกลุ่มกันจากรอยสัก คนที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนของการแสดงละครญี่ปุ่น (Kabuki) และในโรงพนันต่างๆ จะมีเรื่องราวทะเลาะ วิวาทกันอยู่เสมอๆ รัฐบาลจึงเข้ามาปราบปรามและสั่งปิดโรงละคร รวมทั้งออกกฎว่า ใครนิยมรอยสักจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง
รอยสักของญี่ปุ่นจึงกลับไปสู่ยุคมืดกันอีกครั้ง และลงสื่อคนกลุ่มกรรมมาชีพ หรืออาสมัครกู้ภัยกันอีกครั้ง การสักในหมู่คนที่ทำงานเหล่านี้มีความเชื่อเรื่องว่ารอยสักจะคอยป้องกันอันตรายในขณะทำงานของพวกเหล่ากู้ภัย เมื่อกลุ่มนี้มีคนเข้ามาอยู่มาก มีผลงานมากก็กลายเป็นแก๊ง ซึ่งเป็นตำนานของ “ยากูซ่า” ในเวลาต่อมานั่นเอง
โดยการสักที่บ่งบอกกลุ่มคนดังกล่าวก็ยังส่งผลให้เกิดความหวาดกลัวคนที่มีรอยสัก บ้างก็รังเกียจเดียจฉันท์จากชนชั้นสูง ถึงขนาดที่ว่าจะไม่มีใครรับคนที่มีรอยสักเข้าทำงานเลยทีเดียว จนกระทั่งปี พ.ศ.2400 รายสักก็ได้กลับมาเป็นที่ยอมรับอีกครั้งอาจมาจากคนรุ่นเก่าที่ล้มหายตายจาก แล้วคนรุ่นใหม่ได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นความอคติดังกล่าวจึงลดลง มีหลักฐานว่าในช่วงปี พ.ศ. 2373 – พ.ศ. 2387 ซึ่งเรียกกันว่าเป็นยุคเทมโปเป็นยุครุ่งเรืองของศิลปะแขนงต่างๆรอยสักก็เป็นอีกแขนงหนึ่งที่ได้รับความนิยมกลับมาได้มีการจัดการประกวดและให้รางวัลแก่ช่างสักและรอยสักต่างๆมากมายซึ่งส่งผลให้คนนิยมสักมากขึ้น
ในเวลาต่อมารอยสักญี่ปุ่นที่มีการออกแบบลวดลายที่มีเอกลักษณ์และมีการใช้สีสรรที่ได้วัฒนธรรมมาจากจีนและฝรั่งตะวันตก และได้มีการคิดค้นเข็มสักไฟฟ้าขึ้นเป็นผลสำเร็จที่โอซาก้า ในปี พ.ศ. 2400 และกษัตริย์รัสเซียบางพระองค์ก็ทรงสเด็จมาให้ช่างสักชาวญี่ปุ่นสักเลยทีเดียว
แต่ก็ยังมีการห้ามคนที่มีรอยสักลงแช่น้ำในโรงอาบน้ำสาธารณะ (ออนเซน) จนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกมาขอความร่วมมือให้ผ่อนปรนกฎนี้ลง เนื่องจากต้องการดึงเอานักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาในประเมศและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น ก็ได้รับความร่วมมือบ้างในบางที่เท่านั้น
3. รอยสักสไตร์ญี่ปุ่นแบบต่างๆพร้อมความหมาย
-
รอยสักมังกร (Dragon Tattoo)
ตำนานรอยสักญี่ปุ่น รูปมังกรได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกเพียงแค่ดูเกมบัลลังก์และดูรอยสักมังกรเป็นตัวแทนของอำนาจเพราะความรุนแรงและความแข็งแกร่งของมังกร ปีกของมังกรที่จะบินและความสามารถพ่นไฟได้ของมังกรอีก แม้จะมีพลังอำนาจทั้งหมดของพวกเขา แต่มังกรก็ยังถือว่าเป็นพลังแห่งความดีและเป็นผู้พิทักษ์มนุษยชาติ เนื่องจากคุณลักษณะเหล่านี้พวกเขาจึงกลายเป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเพณีของประเทศญี่ปุ่นและนี่เป็นการจับตาดูอย่างรวดเร็วทั่วโลก
ถ้าคุณต้องการที่จะแสดงพลังและความแข็งแรงและในเวลาเดียวกันหัวใจที่ดีนี้เป็นรอยสักที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณ เมื่อทำถูกต้องรอยสักเหล่านี้มีความสวยงามมากและคุณสามารถเลือกได้ระหว่างสีและรูปร่างต่างๆ
-
รอยสักนกไฟ (Phoenix Tattoo)
ตำนานรอยสักญี่ปุ่น รูปนกฟีนิกซ์ (Phoenix) มีความเกี่ยวข้องกับรอยสักมังกรเพราะทั้งคู่เป็นสัตว์ในตำนาน แต่ความหมายต่างกัน ในขณะที่มังกรมีพลัง ฟีนิกซ์เคยเป็นนกปกติแล้วหลังจากตายมันก็จะถูกไฟเผากลายเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นมันก็จะเกิดใหม่อีกครั้งในกองขี้เถ้าและมีพลังมากขึ้นกว่าก่อน
ดังนั้นจึงใช้เป็นสัญลักษณ์ของชัยชนะหรือการเอาชนะความท้าทายของเจ้าของรอยสักนั่นเอง คุณสามารถสักได้เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณผ่านช่วงเวลาที่พยายามและรอดชีวิตมาได้ จะแสดงให้เห็นว่าคุณแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มันเทียบเท่ากับ “สิ่งที่ไม่ฆ่าคุณทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้น“
-
รอยสักสิงโต เสือ หรือ สุนัขผสมสิงโต (Tiger, lion or fu-dog Tattoo)
ตำนานรอยสักญี่ปุ่น รูปเสือ สิงโตเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและการป้องกัน แต่ในประเทศญี่ปุ่นและจีน สุนัขสิงโตเป็นเรื่องปกติมากขึ้น เป็นการรวมกันของสุนัขและสิงโต
สามารถมองเห็นได้ที่ทางเข้าของศาลเจ้าส่วนใหญ่ เมื่อคุณมีรอยสักนี้แสดงถึงความพร้อมของคุณเพื่อปกป้องสิ่งที่เป็นของคุณ ซึ่งคุณไม่กลัว บางคนยังเชื่อว่ามันจะหลุดพ้นจากวิญญาณชั่วร้ายและสามารถใช้ผลนั้นได้
เสือในมืออื่น ๆ ที่เป็นโดดเดี่ยวมากขึ้นและแสดงความแข็งแรงโดยบุคคล หากคุณต้องต่อสู้เพื่ออะไรด้วยตัวคุณเองหรือไม่กลัวที่จะทำอะไรสักอย่างด้วยตัวเองรอยสักนี้เหมาะสำหรับคุณ
-
รอยสักงู (Snake Tattoo)
มีสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจกว่างูมากและนั่นก็เป็นความจริงสำหรับรอยสักอีกด้วย รอยสักงูมีความหมายหลากหลาย มันก็ขึ้นอยู่กับความหมายของคุณ บางคนคิดว่าพวกเขาปกป้องคุณจากโชคร้ายเนื่องจากคนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งโชคดี
นี่เป็นเหตุผลที่จะมีการเลี้ยงงูในบ้าน คนอื่น ๆ เชื่อว่ามันเป็นสัญญาณของความฉลาดเช่นเดียวกับคนฉลาดเป็นคำพูดของงู นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้มันเพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลง งูบางครั้งหลั่งน้ำตาของมันเพื่อกำจัดปรสิตที่เติบโตบนตัวมัน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคืองูทำเช่นนั้นเพื่อให้มีการเติบโต
คุณจึงสามารถสักรอยสักนี้เพื่อแสดงการเติบโตของคุณเองโดยการเปลี่ยนแปลงของนิสัยเก่าๆ ที่ทำให้คุณโตขึ้น
-
รอยสักโครงกระดูก (Skull Tattoo)
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกะโหลกศีรษะกับความตายและอันตรายการประยุกต์ใช้ในรอยสักแบบญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่เป็นการแสดงให้เห็นถึงวงจรชีวิต ชีวิตและความตายเรียงลำดับเหมือนรูปหยินและหยาง
รอยสักนี้สามารถใช้เพื่อเตือนให้คุณให้ความสำคัญกับชีวิต การมีชีวิตอย่างเต็มที่และยอมรับความตายที่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้เป็นคำเตือนสำหรับคนที่ล่วงลับไปแล้วได้ด้วย
-
รอยสักปลาคาฟต์ญี่ปุ่น (Koi Tattoo)
เหล่านี้เป็นหนึ่งในการออกแบบรอยสักที่นิยมมากที่สุดของญี่ปุ่นเนื่องจากปลาเหล่านี้เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่น ลายสักปลาคาฟต์เป็นสัญลักษณ์แห่งความพยายามเพราะปลาพยายามว่ายทวนน้ำแม่น้ำเหลืองขึ้นเหนือและเชื่อกันว่ามีเพียงไม่กี่ตัวที่ได้รับรางวัลจากการถูกสร้างให้กลายเป็นมังกร
ทุกอย่างเป็นตำนานแน่นอน แต่นี่เป็นแรงบันดาลใจสำหรับรอยสักปลาคราฟต์ทั้งหมด พวกเขาเป็นตัวแทนของการต่อสู้กับความยากลำบากอย่างใหญ่หลวงและรางวัลที่ตามมา คุณจึงสามารถสักรอยสักนี้เพื่อเตือนความเจ็บปวดที่คุณได้รับที่ผ่านมา บางทีการต่อสู้กับโรคมะเร็งหรือโรคอื่น ก็อาจจะเป็นเหตุผลของการสักรอยสักนี้
-
รอยสักคลื่นญี่ปุ่น (Water and wave tattoo)
ญี่ปุ่นเป็นเกาะและเป็นเช่นนั้นคนญี่ปุ่นต้องพึ่งพาน้ำเพื่อการดำรงชีวิตของพวกเขาเป็นเวลานานบางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมรอยสักที่เกี่ยวข้องกับน้ำจึงเป็นเรื่องธรรมดาในวัฒนธรรมญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามรอยสักเหล่านี้เป็นตัวแทนของชีวิตและการจัดหาแต่คลื่นอาจเป็นอันตรายได้เช่นกันเมื่อคุณมีรอยสักเช่นนั้นอาจหมายถึงสิ่งเหล่านั้นทั้งชีวิตและความตายจะเป็นเครื่องเตือนความจำว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปดังเช่นคลื่นของทะเลนั่นเอง
คลื่นในบางครั้งก็เงียบสงบ ซึ่งช่วยเตือนใจให้ผู้สัก รอยสักนี้มีความสงบแม้กระทั่งในยามเผชิญหน้ากับอันตรายหรือความทุกข์ยากใหญ่หลวง
4. ตัวอย่างร้านสักและราคาเบื้องต้น
-
Ichi Tattoo
ร้านนี้มีช่างที่มีโปรไฟล์ชัดเจน 2 คน คือ
- Ichi Hatano (คนซ้าย) ได้รับการสักด้วยความเป็นมืออาชีพตั้งแต่ปีพศ. 2541 ปัจจุบันทำงานที่โตเกียวเขายังเคยทำงานที่ Los Angeles, San Francisco, London และในประเทศเยอรมนี เขาเชี่ยวชาญในสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมเขาตัดแต่ละรอยสักให้กับลูกค้า ผลงานของเขาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าทั่วโลก
- Ben Dacich ช่างที่เข้ามาเริ่มจากการเป็นลูกมือของ Ichi Hatano จนก้าวขึ้นมาเป็นช่างมืออาชีพ แบบเต็มตัว เค้าทำงานมาหลายประเทศแล้วก่อนจะเข้ามาทำงานที่ญี่ปุ่น จัดว่าเป็นช่างที่มีศิลปะแนวผสมผสานตะวันตกและญี่ปุ่นอยู่ในคนเดียวกัน
ราคาและรายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่ https://www.ichitattoo.com
-
Three Tides Tattoo
ร้านนี้สาขาทั้งโอซาก้าและโตเกียว รอยสักที่มาจากช่างในร้านนี้ส่วนมากจะเป็นแนวสมัยใหม่ มีสไตร์ฮิปพอร์ปและญี่ปุ่นผสมผสานกันอย่างลงตัว ช่างประจำร้านต่างฝากผลงานไว้เป็นที่ประจักมากมาย
ราคาและรายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่ http://www.threetidestattoo.com
-
Monster Skin
ร้านที่มาจากความชอบส่วนตัวของช่างที่ชอบการสักเป็นชีวิตจิตใจ แม้ว่าเค้าจะเริ่มมาสักทีหลัง โดยอาชีพที่เคยทำก่อนหน้า คือ พ่อค้า และงานรับจ้างทั่วไป เขาก็มีความมุ่งมั่นในการฝึกฝน และได้เรียนรู้จากช่างชั้นครูอย่าง Mr. Naoki Urasawa ชื่อร้านก็ได้แรงบรรดาลใจจากครูของเค้านั่นเอง
ราคาและรายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้ที่ http://kobe-tattoo.com